เทคนิคลดความเครียดง่าย ๆ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม
เทคนิคลดความเครียดหรือวิธีลดความเครียดเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนกำลังมองหาอยู่ โดยเฉพาะกับคนที่อยู่ในช่วงวัยทำงานและกำลังก่อร่างสร้างตัว เพราะวัยนี้ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งต่าง ๆ มากมายในแต่ละวัน อาจจะเป็นปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราสามารถมองข้ามมันไปได้ง่าย ๆ หรือปัญหาใหญ่ที่เราต้องใช้ระยะเวลาในการทบทวนและตัดสินใจก็ได้ สิ่งเหล่านี้จะก่อตัวขึ้นมาเป็นความเครียดโดยที่เราไม่รู้ตัว เมื่อถึงจุดหนึ่งแล้วก็จะแสดงออกมาเป็นอาการต่าง ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันมากมายได้ มาทำความเข้าใจสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียด ผลเสียของความเครียด และเทคนิคลดความเครียดกันได้ในบทความนี้
ความเครียดเกิดจากอะไร
ก่อนที่เราจะไปรู้จักเทคนิคลดความเครียด เราอยากจะให้คุณรู้ที่มาที่ไปหรือสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียด และผลเสียของมันเสียก่อน โดยความเครียดนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัยประกอบกัน ทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องที่ถูกสะสมมาเป็นระยะเวลาที่นานแล้ว หรืออาจจะเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นก็ได้เช่นกัน
ปัจจัยภายในที่ทำให้เกิดความเครียด
- เป็นคนที่มีบุคลิกภาพแบบ Perfectionist ทุกอย่างต้องเป๊ะ
- เป็นคนที่มีนิสัยคิดมาก ขี้กังวล หรือชอบมองโลกในแง่ร้าย
- นอนหลับไม่เพียงพอ ร่างกายอ่อนแอ ไม่สดชื่น สมองไม่ปลอดโปร่ง
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด หรือการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
ปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิดความเครียด
- เรื่องเกี่ยวกับงาน : ปริมาณงาน แรงกดดัน ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน เงินเดือน
- เรื่องเกี่ยวกับครอบครัว : ปัญหาการเงิน สุขภาพ ความสัมพันธ์ นิสัยที่ไม่เข้ากัน
- เรื่องเกี่ยวกับความรัก : ความรักไม่เป็นอย่างที่ต้องการ อกหัก ความหึงหวง
- สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป : ย้ายที่อยู่ เปลี่ยนงาน การแต่งงาน การมีลูก
- การเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง : อุบัติเหตุ การโดนทำร้าย ภัยพิบัติ ความสูญเสีย
- สภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นดั่งใจ : การจราจร สภาพอากาศ มลพิษทางอากาศ มลพิษทางเสียง
ผลเสียที่เกิดจากความเครียด
บางคนอาจจะมองว่าความเครียดที่เกิดเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ ที่คงไม่เกิดผลกระทบอะไรต่อการใช้ชีวิตใด ๆ ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ความเครียดส่งผลกระทบต่อหลายอย่างในชีวิตจนอาจทำให้ชีวิตเสียสมดุลดี ๆ ที่เคยมีไปเลยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาพกาย สุขภาพใจ พฤติกรรมการใช้ชีวิต อารมณ์ ความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ประสิทธิภาพของการทำงาน หรือความคิดก็ตาม
- มีแนวโน้มในการเป็นโรคเครียดสะสม โรคซึมเศร้า หรือโรควิตกกังวลสูง
- มีอาการกระวนกระวาย ใจสั่น ขี้หงุดหงิด ขี้กลัว กังวลกับทุกเรื่อง
- ร่างกายอ่อนแอ กินอาหารได้น้อย ลำไส้แปรปรวน ระบบขับถ่ายมีปัญหา
- นอนหลับไม่สนิท นอนหลับยาก สะดุ้งตื่นกลางดึกบ่อย ๆ
- ฮอร์โมนผิดปกติ ผื่นขึ้นผิวหนัง สิวขึ้นหน้า ผมร่วง หน้าหมองคล้ำ
- ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ หาทางออกไม่เจอ อาจทำให้คิดสั้น
- ทะเลาะกับคนรอบข้างบ่อยขึ้น ความสัมพันธ์แย่ลง คุยกันไม่รู้เรื่อง
- ขาดความคิดสร้างสรรค์ งานไม่คืบหน้า ประสิทธิภาพและคุณภาพงานลดลง
แต่ระดับความรุนแรงของผลกระทบที่เกิดขึ้นจากความเครียดในแต่ละคนจะไม่เท่ากัน อันเนื่องมาจากประสบการณ์ที่เคยพบเจอมาของแต่ละคนไม่เหมือนกันนั่นเอง อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นคนหนึ่งที่รู้ตัวว่ากำลังพบเจอกับความเครียดอยู่ ควรรีบหาวิธีหรือเทคนิคลดความเครียดมาใช้โดยด่วน เพราะถ้าปล่อยไว้นาน ๆ จากความเครียดขนาดเล็กอาจขยับขยายใหญ่จนเกินที่คุณจะรับไหวได้
แชร์ 5 เทคนิคลดความเครียด ทวงคืนความสุขให้ชีวิต
คุณกำลังมีปัญหาหรือความเครียดอยู่ภายในใจ และไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้ความเครียดนี้มันทุเลาลงหรือเปล่า? ลองมาดู 5 เทคนิคลดความเครียดให้ชีวิตกลับมาสมดุลและมีความสุขเช่นเดิม กับ AroundBKK กัน!
1. จัดการสาเหตุของความเครียด
หนึ่งในเทคนิคลดความเครียดที่ได้ผลแน่นอนคือการกำจัดต้นตอของปัญหา หรือจัดการสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียดขึ้น โดยหลังจากที่คุณมีความเครียดเกิดขึ้นแล้ว ให้หาที่มาที่ไปว่าสิ่งที่ทำให้คุณเครียดหรือเป็นกังวลนั้นคืออะไร เกิดจากตัวบุคคล สถานการณ์ หรือสภาพแวดล้อม? จากนั้นก็ทบทวนหาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งคุณจะพบว่ามันมีทั้งปัญหาที่แก้ไขได้และไม่สามารถแก้ไขได้
สำหรับปัญหาที่แก้ไขได้ ก็เริ่มต้นจากวิธีที่ง่ายที่สุดก่อน ถ้าไม่เห็นผลก็ค่อย ๆ ไต่ระดับความยากขึ้นไป ส่วนปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ (มักจะมีสาเหตุมาจากตัวบุคคล) ให้หันมาเปลี่ยนความคิดของตัวเองแทน เพราะเราไม่สามารถเปลี่ยนใจใครได้ ลองปล่อยใจ ไม่สนใจ และมองข้ามสิ่งเหล่านั้นไป หรือไม่ก็เอาตัวเองออกมาจากสถานการณ์นั้นจะเป็นการดีที่สุด
การลดความเครียดด้วยวิธีนี้ อาจจะต้องใช้ความพยายาม ความอดทน ระยะเวลามากกว่าวิธีอื่น ๆ แต่เมื่อคุณจัดการได้แล้ว ความเครียดของคุณจะหายไปทันทีและจะทำให้คุณโล่งใจเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว ทั้งนี้ คุณไม่จำเป็นต้องเข้มแข็ง แบกรับ และแก้ปัญหาด้วยตัวคุณเอง สามารถขอความช่วยเหลือกับผู้อื่นได้ เพื่อแบ่งเบาความเครียดและหาวิธีการแก้ไขปัญหาใหม่ ๆ ที่คุณอาจไม่เคยคิดถึงมาก่อน
2. ผ่อนคลายสมองและร่างกาย
คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก หากคุณต้องจมอยู่กับความเครียดตลอดเวลา ไม่ว่าจะตื่นนอน กินข้าว อาบน้ำ เดินทางไปทำงาน หรือแม้แต่ช่วงเวลาก่อนนอนก็ตาม เพราะมันจะทำให้คุณยิ่งเครียดเข้าไปใหญ่ แนะนำให้หากิจกรรมที่ชอบหรืองานอดิเรกทำในเวลาว่าง ๆ เพื่อผ่อนคลายสมองและร่างกายจากความเครียด เช่น
- ออกกำลังกาย ยืดเส้นยืดสาย เดินแกว่งแขน วิ่ง ว่ายน้ำ ฯลฯ อย่างสม่ำเสมอ
- อ่านหนังสือเบาสมอง ฟังเพลงที่ชอบ เล่นเกมที่ใช่ ดูหนังหรือซีรีส์ที่น่าสนใจ
- ออกไปเที่ยว แวะคาเฟ่จิบกาแฟ เดินทางไกล ถ่ายภาพวิวสวย ๆ
- ปลูกต้นไม้ ปลูกดอกไม้ ปลูกพืชผักสวนครัว รดน้ำพรวนดิน
- งานประดิษฐ์ เย็บปักถักร้อย แกะสลักตุ๊กตาไม้
- พักสายตาจากทุกอย่าง เพื่อฟื้นฟูดวงตาให้สดชื่นไม่อ่อนล้า
- กินอาหารอร่อย ๆ กินขนมที่ชอบ สั่งชานมไข่มุกจากร้านโปรด
- อาบน้ำอุ่น นอนห้องแอร์ จุดเทียนหอม ดื่มด่ำบรรยากาศฟิน ๆ
- ไปร้านนวดแผนไทย นวดศีรษะลดความเครียด นวดร่างกายคลายกล้ามเนื้อ
3. รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
บางคนยิ่งเครียดยิ่งกินน้อย บางคนยิ่งเครียดยิ่งกินเยอะ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคุณต้องเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกาย และมีสารอาหารช่วยลดความเครียดอย่างวิตามินบี วิตามินอี หรือแม็กนีเซียมด้วย ก็จะช่วยลดความเครียดและคลายความกังวลต่าง ๆ ได้ เช่นธัญพืชไม่ขัดสี, ผักใบเขียว, กล้วย, เนื้อสัตว์, ไข่, น้ำมันมะกอก, อาโวคาโด, อัลมอนด์, ดาร์กช็อกโกแลต ฯลฯ
และเมื่อมีอาหารที่ช่วยลดความเครียดแล้ว ก็ต้องมีอาการเพิ่มความเครียดด้วยเช่นกัน ใครที่ไม่อยากเพิ่มความเครียดให้สมองต้องงดอาหารต่อไปนี้
- อาหารที่มีไข่มันสูง : เพิ่มการอักเสบในร่างกาย ระบบย่อยอาหารทำงานหลัก จึงกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้น
- อาหารที่มีโซเดียมสูง : รบกวนแร่ธาตุดี ๆ อย่างแคลเซียมและแมกนีเซียม ส่งผลต่อระบบประสาท และทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดมากขึ้น
- คาเฟอีน : คาเฟอีนจะกระตุ้นให้ระบบประสาทตื่นตัวอยู่ตลอด เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดเพิ่มขึ้น
4. นอนหลับพักผ่อนให้เต็มอิ่ม
การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นเหมือนการชาร์จพลังงานให้ร่างกายพร้อมเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ หากคุณเข้านอนในเวลาที่เหมาะสม นอนในระยะเวลาที่พอดี จะทำให้ร่างกายหลังฮอร์โมนต่าง ๆ ที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อร่างกายออกมาได้ตามปกติ ซึ่งจะช่วยให้คุณนอนหลับสบายตลอดคืน ตื่นมาสดชื่น ผ่อนคลาย มีสมาธิ อารมณ์คงที่ ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และไม่รู้สึกเครียดเท่าเมื่อวาน
สำหรับใครที่เครียดจนนอนไม่หลับ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสม อาจจะเป็นการรับประทานยานอนหลับช่วย การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต การเปลี่ยนเวลาการนอน หรือการทานวิตามินช่วยให้นอนหลับสบายเสริมก็ได้ ถ้าคุณทำสิ่งนี้ได้แล้ว ความเครียดก็จะทุเลาลง สุขภาพกายสุขภาพใจก็จะดีขึ้น และแน่นอนว่าคุณภาพชีวิตจะดีขึ้นไปด้วยเช่นเดียวกัน
5. ระบายความเครียดหรือพูดคุยกับผู้อื่น
การระบายความเครียดกับผู้อื่นเป็นอีกหนึ่งเทคนิคลดความเครียดที่เห็นผลจริง ผ่อนคลาย และทำให้คุณรู้สึกใจฟูขึ้นได้มาก เพราะเมื่อเราระบายสิ่งที่อัดอั้นในใจออกไป เหมือนกับว่าเราได้ปลดปล่อยความเครียดออกไปผ่านคำพูดด้วย จึงทำให้น้ำหนักของความเครียดมันเบาบางลง และการที่อีกฝ่ายรับฟังเราด้วยใจจริง หาวิธีแก้ปัญหาช่วยเรา ทำให้เราไม่รู้สึกโดดเดี่ยวอีกต่อไป รู้สึกมีแรงสนับสนุน มีกำลังใจ และกล้าเผชิญกับปัญหามากขึ้น ซึ่งวิธีระบายความเครียดก็มีอยู่มากมาย เลือกได้เลยว่าคุณถนัดวิธีไหนมากกว่ากัน
- พูดคุยกับคนใกล้ตัว เพื่อน คนในครอบครัว คนรัก
- พูดคุยกับนักจิตวิทยา จิตแพทย์ หรือนักบำบัด
- เขียนระบายความรู้สึกจากความเครียดลงในสมุดบันทึก
- ทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ชื่นชอบ
บทสรุป
และทั้งหมดนี้ก็เป็น 5 เทคนิคลดความเครียด เพิ่มความผ่อนคลาย และปรับสมดุลให้ชีวิตที่ AroundBKK ได้เอามาฝากผู้อ่านทุกท่าน เห็นไหมว่าวิธีลดความเครียดแต่ละวิธีสามารถทำได้ง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก แต่ก็ต้องอาศัยความพร้อมของคุณเป็นหลัก เมื่อเกิดความเครียดแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีทางออก หรือปัญหาจะอยู่กับคุณไปตลอดกาล ลองทบทวนตัวเองและถามตัวเองว่าพร้อมที่จะปล่อยวางความเครียดแล้วหรือยัง หากพร้อมแล้วก็ลุยได้เลย!