รวม 10 ยารักษาสิว อ่อนโยน แห้งไว ไม่ทิ้งรอยดำ 2024

เมื่อนึกถึงปัญหาบนใบหน้าที่กวนใจคนหลากหลายช่วงวัย สิ่งที่คนส่วนใหญ่นึกถึงเป็นอันดับแรกคงไม่พ้นเรื่องสิว ๆ อย่างแน่นอน เพราะสิวทำให้ใบหน้าของเราไม่เกลี้ยงเกลา ไม่เนียนใส และบางคนยังเข้าใจผิดว่าคนที่มีสิวเป็นคนสกปรกอีกด้วย ทั้ง ๆ ที่มันเกิดขึ้นเพราะฮอร์โมน ซึ่งไม่ว่าคุณจะเป็นหนุ่มสาววัยรุ่น คนวัยทำงาน หรือวัยผู้ใหญ่ก็สามารถเป็นสิวได้ทั้งสิ้น เมื่อไม่สามารถยับยั้งการเกิดสิวได้ 100% เราจึงต้องหันมาใส่ใจวิธีการรักษาสิว ด้วย 10 ยารักษาสิวที่ AroundBKK อยากบอกต่อผ่านบทความนี้ เพื่อให้สิวยุบตัวลงอย่างรวดเร็วและไม่ทิ้งรอยดำหรือรอยแดงเอาไว้ เพราะรอยสิวมันรักษายากมาก ถ้าจะทาครีมก็ใช้เวลานาน เลเซอร์ก็เสียค่าใช้จ่ายแพงนั่นเอง

ยารักษาสิวมีกี่แบบ? ควรเลือกใช้อย่างไร

ยารักษาสิวคือตัวยาที่ถูกออกมาแบบใช้สำหรับการรักษาสิวโดยเฉพาะ มีส่วนผสมของสารเคมีที่ออกฤทธิ์ทางยา เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดการอักเสบ ลดความมันบนใบหน้า ทำให้สิวยุบตัว และยับยั้งการเกิดสิวใหม่ ควรใช้ยารักษาสิวในบริเวณที่มีสิวเท่านั้น ไม่ควรทาทั่วทั้งใบหน้าแบบสกินแคร์บำรุงผิวทั่วไป เพราะยารักษาสิวบางชนิดจะทำให้ผิวไวต่อแสง แห้งลอก และทำให้ผิวบางได้ ดังนั้น ควรอ่านฉลากและวิธีใช้ยารักษาสิวก่อนทุกครั้ง โดยยารักษาสิวที่อยู่ในรูปแบบของการทา คล้าย ๆ กับสกินแคร์ จะมีอยู่ 4 รูปแบบ คือ

1. ยารักษาสิวแบบน้ำ : ซึมลงผิวไว แต่เหลวเป็นน้ำ ทำให้ใช้งานและควบคุมปริมาณยาก
2. ยารักษาสิวแบบเซรั่ม : เนื้อบางเบา ใช้งานง่าย ซึมไว นิยมแต้มสิวก่อนนอน
3. ยารักษาสิวแบบเจล : เนื้อเจลสีใสหรือขุ่น ซึมไว เกลี่ยง่าย ใช้ง่าย ทาได้ทั้งเช้าและก่อนนอน
4. ยารักษาสิวแบบครีม : เนื้อครีมสีขาว ควบคุมปริมาณได้ง่าย นิยมใช้ทาก่อนนอน

แนะนำ 12 แบรนด์ยารักษาสิว สิวยุบไว ไม่ทิ้งรอยดำ

ยารักษาสิวเป็นไอเทมที่ทุกคนควรมีติดบ้านไว้ เพราะเราไม่รู้ว่าสิวมันจะขึ้นมาเมื่อไหร่ บางคนก่อนนอนหน้าเกลี้ยงเกลา แต่ตื่นขึ้นมาดันมีสิวซะงั้น พอเห็นสิวขึ้นเมื่อไหร่ก็เอามาทาแต้มรักษาได้เลย ซึ่งยารักษาสิวทั้ง 12 แบรนด์ต่อไปนี้ สามารถหาซื้อได้ที่ร้านขายยาทั่วไปและมีความปลอดภัยทุกตัว มาดูกันว่าจะมียี่ห้อไหนกันบ้าง

1. Clinda M

Clinda M ยารักษาสิวตัวฮิต ทั้งถูกทั้งดี แถมยังอ่อนโยนไม่ทำให้ดื้อยาง่ายอีกด้วย Clinda M มีส่วนประกอบเป็นตัวยา Clindamycin จึงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มยาปฏิชีวนะ ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวได้ดี เหมาะกับสิวอักเสบ สิวหนอง สิวหัวช้าง หรือสิวติดเชื้อต่าง ๆ โดย Clinda M จะมีลักษณะเป็นน้ำ แต่ใช้งานและควบคุมปริมาณยาได้ง่าย เพราะแพ็กเกจของตัวยาถูกออกแบบมาให้เป็นลูกกลิ้ง

• วิธีใช้ : แต้มที่หัวสิวอักเสบหรือกำลังจะอักเสบ ในขั้นตอนแรกของการทาสกินแคร์
• ปริมาณ 15g ราคา 69 บาท

2. Benzac AC

Benzac AC ยารักษาสิวกลุ่ม Benzoyl Peroxide สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.Acnes (Propionibacterium Acnes) อันเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้อย่างอยู่หมัด ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดการอุดตันของรูขุมขน ละลายหัวสิวและทำให้หัวสิวหลุดออกมา โดย Benzac AC จะมีลักษณะเป็นเนื้อครีมสีขาวบางเบา (Water Base Gel)

• วิธีใช้ : ใช้แต้มบริเวณสิวก่อนล้างหน้า 10-15 นาที
• ความเข้มข้น 2.5% ปริมาณ 15 g ราคา 140 บาท

3.  Epiduo

Epiduo ยารักษาสิวแบบ 2 IN 1 รักษาได้ทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบ มาพร้อมตัวยาหลักสองชนิดคือ Adapalene 0.1% และ Benzoyl Peroxide 2.5% ช่วยลดการอักเสบ พร้อมกับฆ่าเชื้อ P. Acne ได้ดี รวมถึงยังเป็นยารักษาสิวอีกตัวหนึ่งที่ทำให้สิวแห้งไว ยุบเร็วอีกด้วย สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว

• วิธีใช้ : ช่วงแรกที่ผิวยังไม่ชินกับตัวยาให้ทาทิ้งไว้ 15 นาทีและล้างออก เมื่อใช้ไปสักพักแล้วให้ทาทิ้งไว้ก่อนนอน โดยไม่ต้องล้างออก
• ปริมาณ 15g ราคา 650 บาท

4. Acnetin A

Acnetin A ยารักษาสิวที่มีตัวยา Retinoic Acid (กรดวิตามินเอ) หรือ Tretinoin เป็นส่วนประกอบหลัก เมื่อทายาตัวนี้ลงไปแล้ว ยาจะออกฤทธิ์เร่งการผลัดเซลล์ผิว ละลายหัวสิว ลดความมัน ลดการอักเสบ สร้างเซลล์ผิวใหม่ และยับยั้งการเกิดสิวใหม่ นอกจากนี้ ยังช่วยกระชับรูขุมขนและลดริ้วรอยความเหี่ยวย่นบนใบหน้าได้อีกด้วย

• วิธีใช้ : ทาในขั้นตอนสุดท้ายของการทาสกินแคร์ก่อนนอน
• ปริมาณ 10g ราคา 125 บาท

5. Skinoren Cream

Skinoren Cream ยารักษาสิวที่อยู่ในรูปแบบของครีมสีขาว ผสมตัวยา Azelaic Acid 20% ช่วยลดการอักเสบของสิว ผลัดเซลล์ผิว พร้อมทั้งลดเลือนรอยดำจากสิว ฝ้า กระ และจุดด่างดำต่าง ๆ ได้ด้วย เพราะส่วนผสมในยาตัวนี้ มีฤทธิ์ในการยับยั้งการผลิตเม็ดสีผิวนั่นเอง (Skinoren Cream ได้รับความนิยมมากในหมู่วัยทำงานไปจนถึงผู้ใหญ่)

• วิธีใช้ : ใช้แต้มเป็นจุด ๆ ตามตำแหน่งที่เกิดสิวก่อนนอน (หากใช้ตอนเช้าต้องทาครีมกันแดดด้วย)
• ปริมาณ 30g ราคา 550 บาท

6. Clindalin Gel

Clindalin Gel ยารักษาสิวแบบเจลใส ไร้สีและไม่แต่งกลิ่น มีส่วนผสมของตัวยา Clindamycin เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาสิวอักเสบ สิวหัวหนอง สิวฮอร์โมนที่อาจจะเป็นหนอง และสิวหัวช้าง เมื่อทาแล้วจะทำให้สิวค่อย ๆ ยุบตัวลง ไม่เกิดการอักเสบ และยังป้องกันการเกิดสิวใหม่ด้วยอีกด้วย

• วิธีใช้ : ทาบริเวณที่เป็นสิว วันละ 2 ครั้ง โดยที่ไม่ต้องล้างออก
• ปริมาณ 10g ราคา 100 บาท

7. Differin Gel 0.1%

Differin Gel 0.1% ยารักษาสิวที่มีส่วนประกอบของตัวยา Adapalene 0.1% ซึ่งเป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ เหมาะกับคนที่มีปัญหาสิวอุดตันและหน้ามัน เพราะยาตัวนี้จะออกฤทธิ์โดยการผลัดเซลล์ผิว ลดการหนาตัวของเซลล์ผิวที่ทับถมกัน บรรเทาอาการอักเสบของสิว และจัดการความมันบนใบหน้าได้ดี

• วิธีใช้ : ทาบาง ๆ บริเวณสิววันละ 1 ครั้งก่อนนอน (ทาเป็นขั้นตอนสุดท้ายหลังทาสกินแคร์)
• ปริมาณ 15g ราคา 375 บาท

8. AkneDerm BP

AkneDerm BP ยารักษาสิวกลุ่ม Benzoyl Peroxide สำหรับรักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ และสิวเสี้ยน ช่วยดันสิวอุดตันที่อยู่ใต้ผิวให้หลุดออกมาง่ายและเร็วขึ้น พร้อมกับลดโอกาสในการเกิดสิวใหม่ไปในตัว ตัวยาจะเป็นเนื้อเจลขาวขุ่น ไม่เหนียวเหนอะหนะ ทาแล้วไม่แสบผิว

• วิธีใช้ : ใช้แต้มบริเวณสิว 10-15 นาที และล้างออก
• ความเข้มข้น 2.5% ปริมาณ 15 g ราคา 150 บาท

9. TOMEI Anti Acne Cream Plus

TOMEI Anti Acne Cream Plus ครีมแต้มสิว ตัวจบปัญหาสิวอุดตันและรอยดำรอยแดงจากสิวในหลอดเดียว มีส่วนผสมของ Phytosphingosine, Acnacidol, Tea Tree Oil, Salicylic acid, Niacinamide และ Skin identical ceramide complex ช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรง พร้อมกับจัดการวงจรการเกิดสิวที่ซ้ำซาก

• วิธีใช้ : ทาครีมบริเวณสิวตอนเช้าและก่อนนอน
• ปริมาณ 9g ราคา 125 บาท

10. Eryacne Gel

Eryacne Gel ยารักษาสิวอักเสบ เนื้อเจลเหลวใสเกลี่ยง่าย มีส่วนประกอบตัวยาสำคัญคือ Erythromycin base 4% ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียอันเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวอักเสบได้อย่างดี ทำให้อาการอักเสบของสิวเบาลง เหมาะกับสิวอักเสบขนาดเล็กที่ไม่ได้มีอาการรุนแรงนัก และไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้แอลกอฮอล์ เนื่องจากยาตัวนี้มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่ด้วย

• วิธีใช้ : แต้มบริเวณหัวสิวตอนเช้าและก่อนนอน ในปริมาณน้อย ๆ 
• ปริมาณ 10g ราคา 200 บาท

บทสรุป

หน้ามีสิวเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้แต่เหล่าดารานักร้องนักแสดง ซึ่งถ้าคุณไม่ชอบใบหน้าที่มีสิวขึ้นจนทำให้รู้สึกกังวลใจ แนะนำให้ซื้อยารักษาสิวติดบ้านไว้อย่างน้อย 1 ตัวตามที่เราแนะนำไปในบทความนี้ หรือถ้าคุณเป็นคนที่อยากป้องกันตั้งแต่แรก ไม่ได้อยากตามมารักษาสิวทีหลังล่ะก็ อาจจะหันมาใช้สกินแคร์ที่ช่วยลดการเกิดสิว ช่วยลดความมันบนใบหน้า (รวมถึงเครื่องสำอางด้วย) และหมั่นรักษาความสะอาดของใบหน้า เช่นไม่ใช้อุปกรณ์สกปรกมาสัมผัสใบหน้า หรือไม่เข้านอนโดยไม่มีการทำความสะอาดใบหน้า เป็นต้น