Disney+ Hotstar มาแล้ว! เลือกกล่อง android box ยี่ห้อไหนดีสำหรับปี 2021
ถ้าให้พูดถึงช่องทาง Streaming ภาพยนต์ที่กำลังมาแรงที่สุดในช่วงนี้คงต้องยกให้ Disney+ Hotstar ด้วยคอนเทนต์ที่ถูกใจคนไทยอย่างแอนิเมชัน Disney, Marvel Studio และ Star Wars แค่มี 3 คอนเทนต์นี้ใคร ๆ ก็ต้องยอมใจกันเลยจริง ๆ แต่ถ้าหากจะให้การชมภาพยนต์เหล่านี้มีอรรถรสมากขึ้นก็ต้องชมผ่าน TV LCD ภาพคม ๆ พร้อมชุดโฮมเธียร์เตอร์แจ่ม ๆ ก็นับว่าฟินมากเลยที่เดียว สำหรับคอนเทนต์นี้ AROUNDBKK ขอเอาใจทุกคนด้วยกล่อง Android Box สำหรับคนที่ใช้ TV ธรรมดายี่ห้อไหนดีฟังก์ชันไหนโดนในปี 2021 ติดตามกันได้เลย
5 กล่อง Android Box ยี่ห้อไหนดีตัวไหนแจ่ม ๆ 2021
Mi Box S 4K (2,190 บาท)
เริ่มกล่อง Android Box ตัวแรกกับ Mi Box S 4K 1 ไอเทมจากวัฒนธรรม Mi ที่หลายคนให้ความสนใจมาก ๆ ด้วยราคาที่ไม่แรงมาก สเปคภายในจัดว่าดีพอสมควรไล่ตั้งแต่ CPU แบบ Quad-Core 64 bit, 2.0 Ghz, แรมแบบ DDR3 2 GB และ Android TV เวอร์ชัน 9.0
สำหรับความสามารถของ Mi Box S คือสามารถดูหนังแบบ 4K Ultra HDR ได้แล้ว พ่วงด้วยระบบเสียงแบบ Dolby Atmos, DTS 2.0+ Digital Out และยังมาพร้อมฟังก์ชัน Chromecast built-in จากสมาร์ตโฟนไปหากล่องได้ทันที ไม่ว่าจะดู Disney+ Hotstar, Netflix, Youtube หรือควบคุมการเล่นเพลงของ Spotify บนสมาร์ตโฟน บอกเลยว่าอะไร ๆ ก็ง่ายไปหมดกับเจ้า Android Box ตัวนี้
Google Chromecast Gen 4 (2,799 บาท)
ถัดมาเป็นของบนย่านแม่ Android มาเอง กับอุปกรณ์ Chromecast จาก Google ที่มีสเปคกับลักษณะการใช้งานในหมวดเดียวกับ Android Box ทั่วไป ทำให้โทนทัศน์ธรรมดา ๆ กลายเป็นสมาร์ตทีวีได้ด้วยอุปกรณ์ตัวจิ๋วชิ้นนี้ในทันที ความสามารถของ Chromecast Gen 4 ไม่จิ๋วตามตัวเลย เริ่มตั้งแต่ระบบภาพที่รองรับได้อย่างครอบคลุมทั้ง 4K, HDR10+ และ Dolby Vision มาพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos, Dolby Digital+ และ DTS ทำให้รับชมคอนเทนต์หนังระดับ 4K จาก Disney+ Hotstar, Netflix, Prime Video และ Youtube ได้สบาย ๆ แถมยังแคสจากสมาร์ตโฟนได้อีกด้วย
True ID Android TV (2,490 บาท)
กล่องที่ 3 เป็น Android Box จากค่าย True ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมบ้านเรากับ True ID Android TV สำหรับกล่องตัวนี้สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ไม่จำเป็นต้องวิ่งหาศูนย์ทรูอย่างเดียวเท่านั้น โดยสเปคภายในก็จัดว่าแจ่มอยู่เช่นกันกับตัวอื่น ๆ ไล่ตั้งแต่ระบบภายในกล่อง เลือกใช้ CPU Amlogic S905X3 แรม DDR 2 GB มาตรฐานการรับภาพได้สูงสุดที่ 4K เช่นกัน มาพร้อม Android TV 9.0 สามารถใช้ฟังก์ชัน Chromecast built-in ได้ เพื่อควบคุมการทำงานจากสมาร์ตโฟนที่ง่ายเพียงปลายนิ้ว
X96 Air Android Box (1,190-1,500 บาท)
ถัดมาเป็น Android Box ที่สเปคจัดจ้านมากกับ X96 Air ที่บอกได้เลยว่างานนี้หากมีคอนเทนตืภาพยนต์ 8K ในอนาคต เจ้า X96 Air ก็รับมือได้สบาย ๆ เพราะภายในของเจ้ากล่องตัวนี้แรงจัดตั้งแต่ CPU Amlogic S905X3 A55 64 bit แรม 4 GB พร้อมเนื้อที่ภายใน (Rom) มากถึง 32 GB ไม่ว่าจะดูหนังหรือลงแอปเกมก็สามารถเล่นได้แบบไม่สะดุด งานนี้ไม่ว่าจะเป็น Disney+ Hotstar, Netflix หรือ Prime Video ก็ไม่มีหวั่นดูได้สบายๆ
TX6 Allwinner H6 (1,030-1,100 บาท)
สุดท้ายกับ Android Box สเปคแรง ๆ กันอีกซักเครื่องกับ TX6 Allwinner H6 ที่แรงจัดตั้งแต่ภายโดยรุ่นที่เลือกใช้ CPU Allwinner H6 แบบ Quad Core 1.5 GHz Cortex A53 แรมขนาด 4 GB พร้อมเนื้อที่ภายใน (Rom) 32 GB เรียกได้ว่าเหลือเฟือกันเลยทีเดียว สำหรับ TX6 สามารถรองรับภาพได้สูงสุดที่ 4K ให้ความคมชัดไม่สะดุด ไม่ว่าจะดูคอนเทนต์ภาพยนต์ Disney+ Hotstar, Netflix หรือ Prime Video ก็ดูได้สบาย ๆ ใช้ได้ยาว ๆ
สรุปเกี่ยวกับการเลือกใช้ Android Box
สำหรับเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ทำให้สินค้าที่เกี่ยวกับความบันเทิงมีตัวเลือกที่หลากหลาย ตั้งแต่ Smart TV ที่ไม่จำเป็นต้องใช้กล่องก็สามารถดุคอนเทนต์ต่าง ๆ จากอินเทอร์เน็ตและระบบการรับรองที่ถูกติดตั้งรวมอยู่ภายในเครื่องเดียว แต่สำหรับคนที่ไม่อยากเปลี่ยน TV เพราะมี LCD ของเดิมอยู่แล้วแต่อาจจะเป็นทีวีเปล่า ๆ ก็ต้องหันมามองที่ Android Box เพราะเป็นอุปกรณ์ที่เข้ามาช่วยเติมเต็มความสามารถให้กับ TV ของคุณดี ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกใช้แบบไหนทั้ง 2 ตัวเลือกก็มีความคุ้มค่าในตัวเองทั้งคู่