1. หน้าหลัก AroundBKK
  2. / บทความ
  3. / 10 เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี? อากาศสะอาด หายใจได้เต็มปอด

10 เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี? อากาศสะอาด หายใจได้เต็มปอด

Published on กรกฎาคม 15, 2024
SHARE

ถ้าพูดถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นและสำคัญภายในบ้าน ย้อนกลับไปในสมัยก่อนหน้านี้คนส่วนใหญ่คงจะนึกถึงตู้เย็น ทีวี พัดลม หรือแอร์เท่านั้น แต่ในปัจจุบันนี้ “เครื่องฟอกอากาศ” ถูกนับเข้าไปเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ควรมีติดบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สืบเนื่องมาจากมลพิษทางอากาศอย่าง PM2.5 ที่กระจายอยู่ฟุ้งทั่วโลก โดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ที่ถูกจัดว่าเป็นเมืองที่มีมลพิษเป็นอันดับ 1 ของโลก ซึ่งเป็นข่าวที่ไม่น่าดีใจเลยแม้แต่น้อย เพราะ PM2.5 เป็นมลพิษที่อันตรายและได้คร่าชีวิตคนไทยไปกว่า 70,000 คนต่อปีเลยทีเดียว

ดังนั้น ถ้าคุณจะเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศทั้งที แนะนำให้เลือกรุ่นดี ๆ มีฟีเจอร์ครบ และสามารถกรองฝุ่น PM2.5 ได้ด้วยจะดีที่สุด และในวันนี้ทาง AroundBKK ก็ได้ทำการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องฟอกอากาศของแบรนด์ต่าง ๆ มากมาย เพื่อมาสรุปให้คุณรู้ว่าเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดีและน่าซื้อมาใช้งานที่สุดในปี 2024 นี้

H2 เครื่องฟอกอากาศคืออะไร ควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง

เครื่องฟอกอากาศ (Air Purifier) คือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีหน้าที่กรองอากาศให้สะอาดและบริสุทธิ์ที่สุด ด้วยการดักจับสิ่งแปลกปลอมในอากาศ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรค เชื้อรา ฝุ่นละออง กลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ก็ตาม วิธีการทำงานของเครื่องฟอกอากาศคือการดูดอากาศสกปรกออกไป ดักจับและเก็บสิ่งสกปรกไว้ภายในเครื่อง และปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมา

เมื่อคุณเปิดทำงานไปได้สักพักจะรู้สึกได้ว่าอากาศภายในห้องสดชื่นมากขึ้น ไม่รู้สึกอยากจาม และคัดจมูกใด ๆ หรือจะสังเกตได้จากสีของไฟบนเครื่องฟอกอากาศที่เปลี่ยนจากสีแดงไปเป็นสีเขียวก็ได้เช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเครื่องฟอกอากาศเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพของเราอย่างมาก โดยเฉพาะกับคนที่มีโรคประจำตัวเป็นโรคภูมิแพ้ ควรต้องมีติดบ้านไว้จริง ๆ อย่างน้อย ๆ ก็ไว้ในห้องนอน

H3 คุณสมบัติหลักที่เครื่องฟอกอากาศต้องมี

  • การดักจับและกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5
  • ระบบการกรองสารก่อภูมิแพ้ แบคทีเรีย ไวรัส เชื้อโรค และเชื้อรา
  • ระบบกำจัดก๊าซส่วนเกินหรือก๊าซอันตราย
  • กำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น กลิ่นสัตว์เลี้ยง กลิ่นมูลสัตว์ กลิ่นอาหาร กลิ่นควัน กลิ่นสารระเหย ฯลฯ
  • การตั้งเวลาในการเปิด-ปิดการทำงานของเครื่อง
  • โหมดการทำงานแบบอัตโนมัติ
  • ไฟแสดงสถานะสำหรับบอกคุณภาพของอากาศ
  • ฟีเจอร์การแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรอง
  • ระบบป้องกันไฟฟ้าสถิต
  • รังสียูวี หรือระบบกำจัดเชื้อโรค

H3 คุณสมบัติอื่น ๆ 

  • รองรับการเชื่อมต่อกับ Wi-Fi
  • การควบคุมการทำงานของเครื่องผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ
  • ระบบควบคุมความชื้นภายในห้อง

H2 10 เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ควรซื้อมาใช้ที่สุดในปี 2024

จัดเต็มเครื่องฟอกอากาศจาก 10 ยี่ห้อดัง คัดมาให้แล้วว่า “ดี” สามารถกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดักจับได้ทุกอนุภาคแม้จะเล็กมากแค่ไหนก็ตาม รวมรุ่นท็อปของแต่ละยี่ห้อที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีสุดล้ำ จะมีรุ่นไหนกันบ้างและคุณควรค่าแก่การซื้อเครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดีในปี 2024 นี้ มาดูไปพร้อม ๆ กันเลย!

H3 1. Philips 4000i Series AC3854/25

Philips 4000i Series AC3854/25 เครื่องฟอกอากาศตัวท็อปจากยี่ห้อดัง “Philips” ช่วยฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ภายในระยะเวลาเพียง 5 นาที ด้วยการกดเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น! จัดการสารก่อภูมิแพ้ ไวรัส และเหล่ามลพิษที่มองไม่เห็นได้อย่างหมดจด โดยมีอัตราการสร้างอากาศบริสุทธิ์ (CADR) อยู่ที่ 610 ลบ.ม./ชม. ราคา 24,990 บาท

  • 610 m³/h clean air rate (CADR)
  • ช่องรับอากาศ 360° ฟอกอากาศในห้องได้สูงสุด 158 ตร.ม.
  • ฟอกอากาศ 20 ตร.ม. ได้ในเวลาเพียง 5 นาที
  • แผ่นกรอง HEPA ดักจับอนุภาคขนาด 0.003 ไมครอนได้ถึง 99.97%
  • ระบบกรองอากาศ 3 ชั้น ได้แก่ NanoProtect HEPA ผงถ่านกัมมันต์ และแผ่นกรองชั้นแรก
  • สามารถกำจัด PM2.5, ไวรัส, สารก่อภูมิแพ้, ละอองเกสร, ฝุ่น, ไรฝุ่น, ขนสัตว์, แบคทีเรีย, ก๊าซ และมลพิษอื่น ๆ ได้
  • มีเซนเซอร์อัจฉริยะ สแกนอากาศ 1000 ครั้งต่อวินาที สำหรับตรวจจับอนุภาคขนาดเล็กพิเศษ
  • สามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน CleanHome+ ได้

H3 2. Xiaomi Smart Air Purifier 4 Pro

Xiaomi Smart Air Purifier 4 Pro เครื่องฟอกอากาศอัจฉริยะ ที่ครอบคลุมการทำงานในพื้นที่ขนาด 35-60 ตร.ม. ใช้เวลา 15 นาทีสำหรับฟอกอากาศในห้องขนาด 40 ตร.ม. และใช้เวลาเพียง 11 นาที สำหรับฟอกอากาศในห้องขนาด 30 ตร.ม. มาพร้อมจอแสดงผล OLED อินเทอร์เฟซควบคุมง่าย โดยใช้เพียงปลายนิ้วสัมผัส แสดงข้อมูลคุณภาพอากาศและ PM2.5/PM10 แบบเรียลไทม์ ราคา 8,990 บาท

  • 185 m³/h clean air rate (CADR)
  • ลดไวรัส H1NI และแบคทีเรียอย่าง Escherichia coli, Staphylococcus aureus และ Streptococcus pneumoniae ในอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ไส้กรองแบบทรีอินวัน กรองอนุภาคขนาด 0.3μm ได้มีประสิทธิภาพถึง 99.97%*
  • ระบบกรองอากาศมีถ่านกัมมันต์คุณภาพสูง ช่วยกำจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้อากาศสดชื่น
  • สามารถกำจัดก๊าซที่เป็นอันตราย สารฟอร์มาลดีไฮด์ และโทลูอีได้
  • ควบคุมเครื่องฟอกอากาศได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านแอปพลิเคชัน Mi Home/Xiaomi Home
  • เสียงรบกวนเบาเพียง 33.7dB(A)* และมีโหมดกลางคืนสำหรับการนอนหลับที่เงียบสงบ

3. Bwell PM1330

Bwell เครื่องฟอกอากาศไวรัส รุ่น PM1330 ราคา 25,990 บาท เหมาะสำหรับผู้ใช้งานทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นวัยทำงาน วัยเรียน ผู้สูงอายุ เด็กทารก หรือแม้แต่ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ก็ตาม รองรับการฟอกอากาศของห้องขนาด 40-60 ตรม. ภายในตัวเครื่องไม่มีส่วนประกอบที่ก่อให้เกิดฝุ่นดำและโอโซน ทำให้ไม่เกิดการระคายเคืองต่อปอดและสุขภาพของผู้ใช้งาน

  • CADR : 315/260/244 CFM
  • ระบบฟอกอากาศ 7 ขั้นตอน สามารถปรับความเร็วลมได้ 3 ระดับ
  • มีระบบตรวจจับมลพิษ Pollution Sensor 
  • ควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัส (Touch Panel)
  • กำลังไฟฟ้า 66 วัตต์ ระดับเสียง 16/34/50 dB
  • แผ่นกรอง Activated Carbon Pre-filter ดักจับได้ทุกอนุภาคขนาดใหญ่
  • แผ่นกรอง HEPA สำหรับดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก
  • แผ่นกรอง Antibacteria ดักจับแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • แผ่นกรอง Charcoal ช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ได้อย่างหมดจด
  • แผ่นกรอง Zeolite ดูดซับก๊าซพิษเช่นฟอมัลดีไฮน์ เบนซิน แอมโมเนีย และสารอินทรีย์ไอระเหยอื่น ๆ ได้
  • Ultraviolet Germicidal Irradiation (UVGI) จัดการเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย

4. Samsung BLUE SKY AX7500

Samsung เครื่องฟอกอากาศไวรัส รุ่น BLUE SKY AX7500 (AX90R7080WD/ST) รุ่นนี้มีช่องรับอากาศอยู่ด้านหน้าทำให้คุณสามารถวางเครื่องไว้ชิดกำแพงได้ มาพร้อมการออกแบบช่องกระจายอากาศบริสุทธิ์ 3 ทิศทางด้วยพลัง Dual Power Fan ทำให้สามารถฟอกอากาศให้สะอาดและสดชื่นครอบคลุมทั่วทุกมุมห้อง (พื้นที่ 90 ตร.ม.) ราคา 29,900 บาท

  • 701 m³/h clean air rate (CADR)
  • รองรับการเชื่อมต่อกับ Wi-Fi และการสั่งงานด้วยเสียง Bixby
  • สามารถควบคุมการทำงานของเครื่องผ่านแอปพลิเคชัน  SmartThings ได้
  • แผ่นกรองอากาศ 3 ชั้น สามารถขจัดฝุ่นอนุภาคเล็ก PM0.3 ได้มากถึง 99.9%
  • หน้าจอระบบสัมผัสแสดงผลเลขดิจิตอล ดูง่าย แม่นยำ และมีไฟแสดงผล 4 ระดับ
  • มีระบบการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรอง
  • มีระบบล็อกการทำงาน เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กกดเปลี่ยนการตั้งค่าของเครื่อง
  • สามารถตั้งเวลาเปิด-ปิด และตั้งโหมดได้ตามต้องการ

5. Dyson Purifier Cool Gen1

เครื่องฟอกอากาศ Dyson Purifier Cool Gen1 สามารถกรองอากาศอย่างทั่วถึงทั้งห้องด้วยเทคโนโลยี Air Multiplier™ ช่วยสร้างพลังหมุนเวียนห้อง มาพร้อมแผ่นกรองอากาศ HEPA และถ่านกัมมันต์ที่สามารถกำจัดทุกอนุภาคขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก PM2.5 และกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ได้อย่างหมดจด มีระบบหมุน 350 องศากระจายอากาศไปทั่วทุกมุมห้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ราคา 15,900 บาท

  • แรงลม 290 ลิตร/วินาที
  • มาพร้อมรีโมทคอนโทรลที่จะช่วยให้คุณปรับแต่งการตั้งค่าได้อย่างอิสระ
  • มีเซนเซอร์ในตัวช่วยวิเคราะห์และระบุสารมลพิษในอากาศแบบเรียลไทม์ แสดงผลบน LCD
  • ระบบการกรองที่ปิดผนึกอย่างแน่นหนา ช่วยกักเก็บสารมลพิษไว้ภายใน ไม่ให้ออกมาปนเปื้อนกับอากาศบริสุทธิ์
  • มีโหมดกลางคืนสำหรับการทำงานอย่างเงียบเชียบ เพื่อให้คุณนอนหลับได้อย่างมีคุณภาพ

6. Sharp Air Purifier KI-N40TA-W

เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี? Sharp รุ่น Air Purifier KI-N40TA-W ก็เป็นอีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจ เป็นเครื่องฟอกอากาศระบบทำไอน้ำ มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะระบบ AIoT (การเชื่อมต่อแบบไร้สาย) สามารถควบคุมและสั่งการการใช้งานผ่านสมาร์ตโฟนได้อย่างสะดวกสบาย ทุกที่ทุกเวลา รองรับการเชื่อมต่อถึง 30 อุปกรณ์ ครอบคลุมพื้นที่การฟอกอากาศ 28 ตร.ม. และที่พิเศษยิ่งกว่านั้น ยังมีเทคโนโลยีพลาสม่าคลัสเตอร์ 25,000 ไอออน/ลบ.ซม. ราคา 15,590 บาท

  • CADR : 244/219/200
  • ระบบกรองอากาศ 3 ขั้นตอน แผ่นกรองชั้นแรก แผ่นกรองกลิ่น และแผ่นกรอง HEPA
  • ควบคุมความชุ่มชื้นด้วยไอน้ำ เพื่ออากาศสะอาดและสุขภาพผิวที่ดี
  • ความเข้มข้นพลาสม่าคลัสเตอร์สูง จะทำให้การกรองมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

7.  Mitsubishi MA-E100R-T

เครื่องฟอกอากาศ Mitsubishi รุ่น MA-E100R-T สามารถฟอกอากาศได้อย่างรวดเร็ว แม้จะมีคนอยู่ในห้องจำนวนมาก โดยใช้เทคโนโลยี MOVE EYE (เอกสิทธิ์เฉพาะของ Mitsubishi) สามารถตรวจจับอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ เมื่อตรวจพบร่างกายมนุษย์แล้ว เครื่องก็จะหมุนไปฟอกอากาศในทิศทางนั้นทันที โดยจะเน้นการฟอกอากาศในบริเวณที่มีคนอยู่ก่อนพื้นที่ว่าง ราคา 33,500 บาท

  • HEPA ชนิดพิเศษ (Toraymicron®) มีความหนาของเส้นใยเท่ากับความยาว 15 เมตร มีประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูง เหมาะสำหรับห้องขนาดใหญ่
  • สามารถดักจับอนุภาคละเอียด 0.1 ไมครอน ได้มากถึง 99%
  • จัดการฝุ่น PM2.5, ยับยั้ง Coronavirus, กลิ่นไม่พึงประสงค์ และอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ถ่าน Active Carbon มีการเคลือบสารที่มีคุณสมบัติในการดูดซับเพิ่มขึ้น เพื่อเร่งปฏิกิริยาในการดูดซับสารระเหยต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

8. LG PuriCare Aero Furniture AS20GPWZ0

LG PuriCare Aero Furniture AS20GPWZ0 เครื่องฟอกอากาศที่สามารถใช้งานเป็นโต๊ะได้ด้วย ดีไซน์เก๋ไม่ซ้ำใคร ตอบโจทย์การใช้งานของคนยุคใหม่สุด ๆ มาพร้อมโคมไฟ Mood Lighting และสามารถชาร์จสมาร์ตโฟนแบบไร้สายได้ ราคา 14,900 บาท

  • ตัวกรอง HEPA 360° จาก LG PuriCare™ อากาศสะอาดสดชื่นทุกทิศทาง
  • กำจัดฝุ่นละอองขนาด 0.01 ไมครอน และแบคทีเรียในอากาศได้ถึง 99.9%
  • โคมไฟ Mood Lighting มีหลายสีให้เลือก ปรับเปลี่ยนได้ตามอารมณ์ในแต่ละวัน
  • เสียงรบกวนต่ำ ไร้เสียงดังกวนใจ ให้คุณนอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ด้วยกระแสลมที่นุ่มนวลของ AeroFurniture
  • รองรับการเชื่อมต่อกับ Wi-Fi และสามารถควบคุมการทำงานผ่านแอปพลิเคชัน LG ThinQ ได้

9. Daikin MCK55TVM6

เครื่องฟอกอากาศ Daikin รุ่น MCK55TVM6 ราคา 23,490 บาท มีระบบฟอกอากาศทั้งภายนอกและภายในเครื่อง สามารถเพิ่มระดับความชื้นในอากาศเพื่อเติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวของคุณได้ มีเซนเซอร์ตรวจจับฝุ่นความละเอียดสูง ตรวจจับและกำจัดสิ่งสกปรกได้แบบอัตโนมัติ

  • ระบบเพิ่มความชื้น Humidifier
  • ระบบฟอกอากาศภายในเครื่อง Streamer
  • ระบบฟอกอากาศภายนอกเครื่อง Active Plasma Ion
  • สามารถยับยั้งไวรัส แบคทีเรีย เชื้อโรค และกลิ่นได้เป็นอย่างดี พร้อมเพิ่มความชุ่มชื้น
  • เซนเซอร์หน้าเครื่องวัดค่าระดับฝุ่นขนาดเล็กกว่า PM2.5 ได้ละเอียดถึง 3 ระดับ
  • มีโหมดป้องกันละอองเรณูที่สร้างลมจากการปรับความเร็วพัดลม โดยละอองเรณูจะถูกดักไว้โดยตัวกรองอากาศ
  • โหมดประหยัดพลังงาน ลดการทำงานแต่ไม่ลดประสิทธิภาพ เสียงเงียบมาก ใช้ระหว่างการนอนหลับได้

10. Honeywel Air Touch I9 by Mazuma

เครื่องฟอกอากาศ Honeywel รุ่น Air Touch I9 by Mazuma ราคา 23,900 บาท เหมาะกับห้องที่มีขนาดกว้าง 44-54 ตารางเมตร มาพร้อมเทคโนโลยีนำเข้าจากสหรัฐอเมริกา ตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้มีลมหมุนเวียนแบบ 3 มิติ ไร้ปัญหาเรื่องมุมอับใด ๆ มีประสิทธิภาพในการส่งออกอากาศบริสุทธิ์สูงกว่าเครื่องฟอกอากาศทั่ว ๆ ไป

  • ดักจับอนุภาคขนาดเล็กกว่า 0.1 ไมครอน และ PM2.5 ได้
  • แผ่นกรองอากาศเทคโนโลยี HiSiv สามารถดูดซับสารเคมี ก๊าซพิษ สารก่อมะเร็ง ฯลฯ ได้เป็นอย่างดี
  • มีโหมดการทำงานให้เลือกหลายโหมด เช่น โหมดกลางคืนสำหรับนอนหลับพักผ่อน หรือโหมดประหยัดพลังงาน เป็นต้น
  • มีเซนเซอร์ตรวจจับที่แม่นยำ สามารถตรวจสอบคุณภาพของอากาศและแสดงผลออกมาได้แบบเรียลไทม์
  • มีระบบเตือนเมื่อถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนไส้กรอง

บทสรุปบทความเรื่องเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดี

จบไปแล้วกับบทความแนะนำเครื่องฟอกอากาศยี่ห้อไหนดีจาก AroundBKK มีทั้งหมด 10 รุ่น 10 ยี่ห้อเลยทีเดียว สามารถเลือกซื้อมาใช้งานตามฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบโจทย์ หรือราคาที่คุ้มค่าได้เลย! หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย และเราเชื่อว่าคุณจะสามารถตัดสินใจซื้อเครื่องฟอกอากาศรุ่นที่เหมาะกับการใช้งานได้ในเร็ว ๆ นี้

Related Blog

ชี้เป้า 5 เคสแบบตั้งได้ (Kickstand) เพิ่มความสะดวกให้ชีวิต

GADGETS & LIFESTYLE

แนะนำ 5 สปาและศูนย์ดูแลสุขภาพ บรรยากาศดี บริการเยี่ยม

HEALTH & WELLNESS

 กิจกรรมฮีลใจในกรุงเทพ เติมพลังให้ชีวิต อัปเดต 2024

STAYCATION & TRAVEL