เจาะลึก! ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง ราคาเท่าไหร่
ประกันภัยรถยนต์มีให้เลือกหลายแผนการคุ้มครอง ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2, ประกันภัยชั้น 2+, ประกันรถชั้น 3 และประกันรถยนต์ชั้น 3+ โดยแผนประกันภัยแต่ละแผน จะให้ความคุ้มครองและรับผิดชอบในกรณีต่าง ๆ ไม่เท่ากัน ซึ่งรวมไปถึงเบี้ยประกันที่คุณต้องจ่ายไปด้วย
สำหรับบทความนี้ AroundBKK จะมาให้ข้อมูลเจาะจงไปที่ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 เป็นหลัก ทั้งราคาของประกันภัยชั้น 2 รายละเอียดความคุ้มครอง และรวมไปถึงการเปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 ของแต่ละบริษัทให้เห็นกันชัด ๆ ด้วยว่ามีความคุ้มครองและมีราคาเริ่มต้นที่เท่าไหร่อย่างไร
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 คืออะไร?
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 คือ แผนการประกันที่คุ้มครองความเสียหายอย่างครอบคลุม คล้าย ๆ กับประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แต่จะแตกต่างกันตรงที่แผนประกันภัยชั้น 2 จะคุ้มครองรถของเราเฉพาะกรณีที่รถสูญหายหรือเกิดไฟไหม้เท่านั้น ส่วนอุบัติเหตุอื่น ๆ อย่างรถชนผู้อื่น รถชนกับรถ รถชนต้นไม้ รถชนฟุตปาธ ฯลฯ เหล่านี้ ประกันภัยชั้น 2 จะไม่ดูแลเรื่องซ่อมรถให้เรา แต่จะรับผิดชอบและซ่อมแซมรถให้กับคู่กรณีของเราแทน
ประกันภัยชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง?
- รับผิดชอบรถของผู้ทำประกัน ในกรณีที่รถสูญหาย (โดนโจรกรรม) และไฟไหม้
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ทุกกรณี
- คุ้มครองค่าประกันตัวเพื่อสู้คดีของผู้ทำประกัน
- รับผิดชอบเรื่องการซ่อมแซมความเสียหายของรถคู่กรณี
- รับผิดชอบค่าเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- รับผิดชอบต่อการบาดเจ็บ ค่ารักษาพยาบาล และกรณีที่เสียชีวิตของคู่กรณี
ประกันภัยชั้น 2 เหมาะกับใคร?
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 เหมาะกับผู้ที่ขับขี่รถได้อย่างคล่องแคล่ว ขับรถไปทำงานเป็นประจำทุกวัน ไปเที่ยวบ่อย คุ้นเคยกับเส้นทางเป็นอย่างดี และไม่ตื่นเต้นง่าย หรือเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนน้อยนั่นเอง เนื่องจากประกันภัยชั้น 2 จะไม่รับผิดชอบกรณีที่รถของคุณไปชนกับสิ่งกีดขวางต่าง ๆ ที่ไร้คู่กรณี ดังนั้น ถ้าคุณเป็นคนกลุ่มนี้ สามารถลุยทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 ได้เลย!
เปรียบเทียบแผนประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 เลือกบริษัทไหนดี?
ทำประกันรถยนต์ที่ไหนดี? บริษัทไหนคุ้ม? ราคาประกันภัยชั้น 2 เริ่มต้นเท่าไหร่? AroundBKK ยกทัพจัดเต็มกับแผนการประกันรถยนต์ชั้น 2 จาก 5 บริษัทยอดนิยมของไทย ในปี 2566 ว่าแต่จะมีบริษัทไหนบ้างนะ? ถ้าอยากรู้ มาดูกันเลย!
วิริยะประกันภัย
อุ่นใจ ไร้กังวล กับ วิริยะประกันภัย มีแผนประกันรถยนต์ชั้น 2 ให้เลือกมากมาย ตั้งแต่ 3,000 บาท ไปจนถึง 4,500 บาท สำหรับเบี้ยประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 มีราคาเริ่มต้นที่ 3,000 บาท (รถเก๋ง/กระบะ 4 ประตู) พร้อมทุนประกัน 50,000 บาท
ความคุ้มครองต่อตัวรถยนต์ของผู้ทำประกัน
- รถยนต์สูญหาย / ไฟไหม้ 50,000 บาท
ความคุ้มครองต่อบุคคลภายในรถ
- อุบัติเหตุส่วนบุคคล (ผู้ขับขี่ 1 คน ผู้โดยสาร 4 คน) 50,000 บาท/คน
- ค่ารักษาพยาบาล (ผู้ขับขี่ 1 คน ผู้โดยสาร 4 คน) 50,000 บาท/คน
- ค่าประกันตัวผู้ขับขี่ 200,000 บาท/ครั้ง
ความคุ้มครองต่อบุคคลภายนอก
- ความเสียหายต่อชีวิต-ร่างกาย 500,000 บาท/คน และ 10,000,000 บาท/ครั้ง
- ความเสียหายต่อทรัพย์สิน 100,000 บาท/ครั้ง
ธนชาตประกันภัย
ประกันรถยนต์ชั้น 2 ของธนชาตประกันภัยจะเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ เน้นความคุ้มครองแบบจัดเต็ม ในราคาประหยัด เริ่มต้นที่ 7,999 บาท
ความคุ้มครองต่อตัวรถยนต์ของผู้ทำประกัน
- รถหาย / ไฟไหม้ คุ้มครองตามทุนประกันภัย
- รถชน 200,000 บาท
- น้ำท่วม (ซื้อเพิ่ม) 100,000 บาท
ความคุ้มครองต่อบุคคลภายในรถ
- อุบัติเหตุส่วนบุคคล 100,000 บาท
- ค่ารักษาพยาบาล 100,000 บาท
- ค่าประกันตัวผู้ขับขี่ 200,000 บาท
ความคุ้มครองต่อบุคคลภายนอก
- ความเสียหายต่อชีวิต-ร่างกาย 10,000,000 บาท/ครั้ง
- ความเสียหายต่อชีวิต-ร่างกาย 500,000 บาท/คน
- ความเสียหายต่อทรัพย์สิน 100,000 บาท
ความคุ้มครองเพิ่มเติม
- ชดเชยรายได้ 1,000 บาท
- ชดเชยค่าเดินทาง 1,000 บาท
เมืองไทยประกันภัย
เมืองไทย 2+ พลัส หรือประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 จากเมืองไทยประกันภัย มีเบี้ยประกันเริ่มต้นที่ 7,900 บาท แต่จะไม่คุ้มครองความเสียหายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำ ชนรั้วบ้าน และเจอภัยธรรมชาติ
ความคุ้มครองต่อตัวรถยนต์ของผู้ทำประกัน
- รถหาย ไฟไหม้รถ คุ้มครองตามทุนประกันภัย
- รถชนกับยานพาหนะทางบก คุ้มครองตามทุนประกันภัย
ความคุ้มครองต่อบุคคลภายในรถ
- อุบัติเหตุส่วนบุคคล 100,000 บาท
- ค่ารักษาพยาบาล 100,000 บาท
- ค่าประกันตัวผู้ขับขี่ 200,000 บาท
ความคุ้มครองต่อบุคคลภายนอก
- ความเสียหายต่อชีวิต-ร่างกาย 1,000,000 บาท
- ความเสียหายต่อทรัพย์สิน 100,000 บาท
กรุงเทพประกันภัย
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ จากกรุงเทพประกันภัยมีให้เลือก 2 แผน คือ ประกันรถชั้น 2+ Special และ ชั้น 2+ Super Special (เพิ่มความคุ้มครองในกรณีที่รถพลิกคว่ำ ตกทาง เจอภัยธรรมชาติ และรับผิดชอบต่อกระจกบังลม) โดยประกันรถชั้น 2 จากกรุงเทพประกันภัยมีราคาเริ่มต้นที่ 7,300 บาท และมีทุนประกันภัยสูงสุด 300,000 บาท
ความคุ้มครองต่อตัวรถยนต์ของผู้ทำประกัน
- การชนกับยานพาหนะทางบก คุ้มครองตามทุนประกันภัย
- ภัยธรรมชาติ (น้ำท่วม แผ่นดินไหว ลูกเห็บ และพายุ) 100,000 บาท/ครั้ง
ความคุ้มครองต่อบุคคลภายในรถ
- อุบัติเหตุส่วนบุคคล 50,000 บาท
- ค่ารักษาพยาบาล 50,000 บาท
- ค่าประกันตัวผู้ขับขี่ 250,000 บาท
ความคุ้มครองต่อบุคคลภายนอก
- ความเสียหายต่อชีวิต-ร่างกาย 10,000,000 บาท
- ความเสียหายต่อทรัพย์สิน 100,000 บาท
ทิพยประกันภัย
ประกันรถยนต์ชั้น 2 พลัส จ่ายน้อยแต่คุ้มค่า! เลือกแผนความคุ้มครองได้ตามใจ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก เริ่มต้นเพียง 6,399 บาท
ความคุ้มครองต่อตัวรถยนต์ของผู้ทำประกัน
- รถสูญหาย / ไฟไหม้ คุ้มครองไม่เกินทุนประกันภัย
- รถชนกับยานพาหนะทางบก คุ้มครองไม่เกินทุนประกันภัย
ความคุ้มครองต่อบุคคลภายในรถ
- เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 100,000 บาท/คน
- ค่ารักษาพยาบาล 100,000 บาท
- ค่าประกันตัวผู้ขับขี่ 200,000 บาท
ความคุ้มครองต่อบุคคลภายนอก
- ความเสียหายต่อชีวิต-ร่างกาย 1,000,000 บาท/คน
- ความเสียหายต่อชีวิต-ร่างกาย 10,000,000 บาท/ครั้ง
- ความเสียหายต่อทรัพย์สิน 2,500,000 บาท
เปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 กับ ชั้น 2+
หลายคนน่าจะสงสัยว่าประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 แตกต่างจากชั้น 2+ อย่างไร? คำตอบ คือ ประกันภัยชั้น 2+ จะรับผิดชอบความเสียหายในกรณีที่รถยนต์ของเราชนกับยานพาหนะทางบกทุกกรณี และจะไม่รับผิดชอบในกรณีที่ชนกับฟุตปาธ หรือสิ่งของอื่น ๆ
นอกเหนือจากนี้ ประกันภัยชั้น 2 พลัส ก็มีความคุ้มครองที่ไม่ต่างจากประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เลย หรือสรุปได้ว่า ประกันภัยชั้น 2+ นั้น มีรายละเอียดความความคุ้มครองของแผนประกันรถยนต์ชั้น 2 เป็นฐาน และเพิ่มความคุ้มครองที่เหมือนกับประกันภัยชั้น 1 บางส่วนลงไปนั่นเอง
บทสรุปเรื่องประกันภัยรถยนต์ชั้น 2
จบไปแล้วกับบทความเรื่องประกันภัยชั้น 2 และการเปรียบเทียบประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 จากหลากหลายบริษัทชั้นนำ และ AroundBKK ขอสรุปว่าประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 นั้น เหมาะกับผู้ที่มีประสบการณ์ในการขับรถมานาน ชำนาญเส้นทาง หรือต้องขับขี่รถเป็นประจำทุกวัน ในพื้นที่ที่คุ้นเคย อย่างการขับรถไปในบริเวณใกล้เคียงกับบ้าน หรือขับรถไปทำงานทุกเช้าเป็นอย่างยิ่ง
เพราะประกันรถยนต์ชั้น 2 จะไม่รับผิดชอบค่าเสียหายในการซ่อมแซมรถของคุณ เมื่อเกิดอุบัติเหตุต่าง ๆ ขึ้น หากเกิดความเสียหายขึ้นมา คุณจะต้องควักเงินจ่ายค่าซ่อมรถเองทั้งหมด ดังนั้น ถ้าคุณรู้ตัวว่าคุณเป็นคนซุ่มซ่าม ขับรถไม่ระวังเท่าไหร่นัก ขับรถไม่เก่ง ไม่ชำนาญเรื่องเส้นทาง หรือมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง แนะนำให้เลือกไปทำประกันรถยนต์ชั้น 1 จะดีกว่า