1. หน้าหลัก AroundBKK
  2. / บทความ
  3. / HEALTH & WELLNESS
  4. / ซิงเกิ้ลมัมยุคนี้ วางแผนอนาคตอย่างไรให้ครอบครัวอยู่สบาย ไม่ลำบาก

ซิงเกิ้ลมัมยุคนี้ วางแผนอนาคตอย่างไรให้ครอบครัวอยู่สบาย ไม่ลำบาก

Published on มีนาคม 16, 2023
SHARE

การเป็นซิงเกิ้ลมัม ถือเป็นเรื่องปกติในสังคมยุคนี้ ซึ่งแม้ว่าเหล่าคุณแม่ยุคใหม่จะสามารถพึ่งพาตัวเองได้ และเลี้ยงดูลูก ๆ ได้อย่างดีเยี่ยม แต่แน่นอนว่าการเลี้ยงดูลูกด้วยตัวคนเดียว ย่อมสร้างความเหนื่อยล้า และความกดดันจากการวางแผนในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องการเงินให้รอบคอบมากที่สุด เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เงิน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เด็ก ๆ ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ได้รับการศึกษาที่ดีตั้งแต่อนุบาลจนถึงมหาลัยฯ และเติบโตมาในสังคมอย่างมีคุณภาพ รวมถึงการได้รับการรักษาพยาบาลอย่างเต็มที่เมื่อเจ็บป่วยในวันนี้ AROUNDBKK จึงได้รวบรวมวิธีเตรียมตัวและการบริหารจัดการเรื่องเงินในอนาคตให้ครอบครัวอยู่สบาย ไม่ลำบากสำหรับเหล่าซิงเกิ้ลมัมมาเล่าให้ฟัง ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ หรือคนทั่วไปที่กำลังหาแนวทางในการวางแผนการเงินก็สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ได้เช่นกัน!

ซิงเกิ้ลมัมยุคใหม่ บริหารการเงินอย่างไรให้เงินไม่ขาดมือ

การวางแผนอนาคตด้านการเงิน เป็นสิ่งที่เหล่าซิงเกิ้ลมัมต้องให้ความใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะหากถึงวันที่เราต้องจากไป ทรัพย์สินเงินทองต่าง ๆ ที่เราเก็บหอมรอมริบเอาไว้ ก็จะช่วยพยุงให้ลูกของเราสามารถก้าวเดินต่อไปได้โดยไม่ติดขัด ซึ่ง AROUNDBKK ก็เล็งเห็นถึงความสำคัญของเรื่องเหล่านี้ และรวบรวมข้อมูลที่น่าจะเป็นประโยคให้กับเหล่าคุณแม่ยุคใหม่ ดังนี้

วางแผนทางการเงิน จัดสรรรายได้ให้ดี

การวางแผนทางการเงิน ควรจะเริ่มจากการจัดสรรทั้งรายรับ-รายจ่ายให้ดี โดยควรจะแบ่งสัดส่วนรายได้ตามสูตร 50-30-20 ออกเป็น 3 ส่วนได้แก่

Need 50%

เป็นการแบ่งเงินส่วนที่เป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันที่ขาดไม่ได้ และจำเป็นต้องจ่าย เช่น ค่าสาธารณูปโภคต่าง ๆ ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาของลูก เป็นต้น

Want 30%

เป็นการแบ่งเงินเพื่อซื้อสิ่งที่เราอยากได้ เพื่อเติมเต็มความสุขให้กับตัวเองและลูก ๆ เช่น เสื้อผ้า การท่องเที่ยว ของใช้ต่าง ๆ

Save 20%

เป็นส่วนที่แบ่งไว้เผื่อเป้าหมายในอนาคต หรือใช้ยามฉุกเฉิน โดยไม่ควรจะออมส่วนนี้ต่ำกว่า 10% เพื่อความปลอดภัยและอุ่นใจมากยิ่งขึ้น

money-allocation

บริหารเงินออมให้ได้ประโยชน์สูงที่สุด

นอกจากจะจัดสรรรายได้ออกเป็น 3 ส่วนตามข้อก่อนหน้านี้แล้ว ในส่วนของเงินออมยังควรแบ่งออกเป็นอีก 2 ส่วน ได้แก่

ส่วนที่เก็บไว้เผื่อยามฉุกเฉิน

ควรมีให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายต่อเดือนของเราอย่างน้อย 3-6 เดือน

ส่วนที่นำมาต่อยอดให้เกิดรายรับเพิ่มขึ้น

โดยการนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์ หุ้น ทองคำ กองทุนรวม รวมถึงการทำประกันภัยให้ตัวเองและลูก

money-saving-for-most-benefit

ลงทุนกับประกันเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระในอนาคต

การทำประกันภัยให้กับตัวเองและลูก ถือเป็นส่วนหนึ่งของการเก็บออมที่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระในอนาคตได้เป็นอย่างดี โดยคุณอาจจะวางแผนทำประกันให้เหมาะสมกับช่วงวัยของตัวคุณและลูก ดังนี้

ช่วงวัยคลอดถึงวัยเด็ก

สำหรับลูกน้อยควรเลือกทำประกันสุขภาพของเด็ก และสำหรับเหล่าซิงเกิ้ลมัมควรเลือกทำประกันสุขภาพหรือประกันโรคร้ายแรง เพราะในปัจจุบันมีค่ารักษาพยาบาลที่สูงขึ้นทุกปี การทำประกันจะช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการสูญเสียเงินค่ารักษา รวมถึงมีสินไหมทดแทนในกรณีที่เราเสียชีวิตอีกด้วย ซึ่งเงินส่วนนั้นจะทำให้ลูกของเราสามารถใช้ชีวิตต่อได้อย่างไม่ติดขัด

วัยที่เริ่มเข้าโรงเรียน

เป็นวัยที่ควรสร้างนิสัยในการเก็บออมให้กับเด็ก ๆ โดยคุณอาจจะทำประกันสะสมทรัพย์ให้กับทั้งตัวเองและลูก เพราะนอกจากประกันสะสมทรัพย์จะมีเงินปันผลคืนในระหว่างสัญญาแล้ว เมื่อครบกำหนดสัญญาก็จะสามารถนำเงินที่อดออมไปมาใช้ในการวางแผนการศึกษาได้ ซึ่งประกันสะสมทรัพย์ระยะเวลาครบกำหนดสัญญาให้เลือกตั้งแต่ 5/10/12/15/20/25 ปี

invest-in-insurance-for-better-future

เพราะการเป็นซิงเกิ้ลมัมไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจในการเลี้ยงดูลูก และขับเคลื่อนตัวเองให้พร้อมเผชิญกับเรื่องราวต่าง ๆ ในแต่ละวัน แต่ AROUNDBKK เชื่อว่า หากเป็นการทำเพื่อลูก คุณก็พร้อมจะทำเต็มที่เสมอ เพื่อให้เขาไม่ต้องลำบาก และได้มีชีวิตที่ดี ดังนั้น ก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับการบริหารการเงิน และสร้างนิสัยการออมเงินให้กับลูกควบคู่ไปด้วย เพื่อให้เขาสามารถดูแลตัวเองและบริหารการเงินได้ในอนาคต

Related Blog

แนะนำ 5 สปาและศูนย์ดูแลสุขภาพ บรรยากาศดี บริการเยี่ยม

HEALTH & WELLNESS

7 ร้านนวดหินร้อนในกรุงเทพ ฟื้นฟูร่างกายให้ผ่อนคลาย

HEALTH & WELLNESS

แจก 5 สูตรเมนู Plant-based Food ทำง่าย อร่อย ไม่มีเบื่อ

HEALTH & WELLNESS