1. หน้าหลัก AroundBKK
  2. / บทความ
  3. / BEAUTY & SKINCARE
  4. / ดริปวิตามิน (IV Drip) คืออะไร ทำแล้วเห็นผลจริงไหม?

ดริปวิตามิน (IV Drip) คืออะไร ทำแล้วเห็นผลจริงไหม?

Published on ธันวาคม 8, 2023
SHARE
ดริปวิตามิน

จากการระบาดของโรคร้าย รวมไปถึงสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป ทำให้ร่างกายของเราอ่อนแอลงกว่าเดิมมาก จนเกิดโรคหรืออาการต่าง ๆ ง่ายขึ้น ทำให้การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นประจำทุกวันนั้น ไม่เพียงพออีกต่อไป คนจึงหันมาพึ่งพาตัวช่วยอย่างพวกวิตามินและอาหารเสริมต่าง ๆ มากขึ้น ซึ่งการดริปวิตามินก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กับการทานวิตามินเลย

การดริปวิตามินไม่เพียงแต่ทำให้สุขภาพร่างกายของคุณดีขึ้นจากภายใน ยังช่วยทำให้สภาพผิวของคุณสวยจากภายในสู่ภายนอกได้อีกด้วย และคุณรู้หรือไม่ว่าการดริปวิตามินนี่เอง ที่ทำให้เหล่าดาราหลาย ๆ คนมีผิวที่สวยเนียน กระจ่างใส ออร่าจับจนสะกดทุกสายตา!

ใครที่ไม่เคยดริปวิตามินมาก่อน หรือกำลังสนใจแต่ก็ยังกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่ ไม่รู้ว่าการดริปวิตามินอันตรายไหม วันนี้ AroundBKK จะมาคลายข้อสงสัยในเรื่องนี้ให้ทราบกัน ถ้าใครอยากรู้ว่าดริปวิตามินคืออะไร ดีกว่าการทานวิตามินหรือไม่ ฯลฯ เราไปหาคำตอบกันได้เลย

ดริปวิตามินคืออะไร?

การดริปวิตามิน, ดริปผิว, วิตามินดริป, IV Drip หรือ Intravenous Vitamin Therapy คือการนำตัวยาที่มีส่วนผสมของวิตามิน กรดอะมิโน หรือแร่ธาตุต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกาย ผ่านการค่อย ๆ หยด (Drip) จากถุงลงมาใส่สายน้ำเกลือ และตรงไปยังหลอดเลือดดำ (คล้ายกับการให้น้ำเกลือเวลาไม่สบาย) เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารแบบ 100% เพราะไม่ต้องผ่านการกรองหรือการย่อยใด ๆ เหมือนการทาน

ดริปวิตามิน

คนที่เคยเข้าคลินิกความงามหรือเคยเห็นโฆษณามาบ้าง อาจจะเห็นว่า IV Drip มีอยู่หลายสูตรให้เลือก ซึ่งชื่อสูตรและส่วนผสมของวิตามินดริปผิวนี้จะแตกต่างกันไป แล้วแต่ทางสถานพยาบาลเป็นผู้กำหนด แต่ก็จะมีสูตรยอดฮิตอยู่ประมาณ 5 สูตร ดังนี้

  1. สูตรเร่งผิวขาวกระจ่างใสมีออร่า ไม่หมองคล้ำ
  2. สูตรเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ไม่เป็นหวัดง่าย
  3. สูตรฟื้นฟูร่างกายจากอาการเหนื่อยล้า ให้สดชื่นขึ้น
  4. สูตรกระตุ้นคอลลาเจน เติมเต็มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ชะลอวัย
  5. สูตรดีท็อกซ์ ขับสารพิษออกจากร่างกาย

ข้อดีของการดริปวิตามิน

  • ช่วยซ่อมแซมและฟื้นฟูร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรงไม่ป่วยง่าย
  • ต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกิดริ้วรอย ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อย
  • ลดความหมองคล้ำ ลดเม็ดสี ปรับผิวให้สว่างกระจ่างใส
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิว ให้ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื้น
  • กำจัดความอ่อนล้า ทำให้ร่างกายและสมองรู้สึกสดชื่นขึ้น
  • ช่วยกระตุ้นการขับสารพิษออกจากร่างกาย
  • กระตุ้นระบบเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้น (เร่งเผาผลาญ)

ข้อเสียของการดริปวิตามิน

  • ค่าใช้จ่ายสูงกว่าการทานวิตามินหรืออาหารเสริมหลายเท่า
  • ทำให้มีอาการเจ็บและปวดระบมที่ผิวในบริเวณที่เจาะเข็มได้
  • ใช้ระยะเวลาในการเห็นผลประมาณ 2-4 สัปดาห์
  • ต้องดริปหลายครั้ง จึงจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนตามต้องการ
  • ให้ผลลัพธ์แบบชั่วคราว ต้องทำซ้ำเรื่อย ๆ เหมือนการฉีดโบท็อกซ์

ดริปวิตามิน VS ทานวิตามิน แบบไหนดีกว่ากัน

การดริปวิตามินผิวจะเห็นผลชัดเจนและเร็วกว่าการทานวิตามิน เพราะการทานวิตามินเข้าไปร่างกายจะดูดซึมได้เพียงครั้งละ 50% เท่านั้น แต่การดริปวิตามินจะทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้เต็มที่ 100% ทำให้ร่างกายนำสารอาหารไปใช้งานได้ทันที ผลลัพธ์ที่ได้จึงไวกว่านั่นเอง

ควรดริปวิตามินบ่อยแค่ไหน?

ความถี่ในการดริปวิตามินจะขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของวิตามิน รวมถึงสภาพผิวและร่างกายเดิมของผู้รับบริการด้วย (แพทย์จะเป็นผู้แนะนำให้เป็นรายบุคคล) แต่โดยทั่วไปแล้วแนะนำให้ดริปวิตามินทุก ๆ 1-2 สัปดาห์ ติดต่อกันประมาณ 4-5 ครั้ง ซึ่งมักจะเห็นผลในครั้งที่ 3 เป็นต้นไป หากหยุดดริปวิตามินผิวแล้ว ก็มีโอกาสที่ผิวจะเสื่อมโทรมลงตามกาลเวลา ทั้งนี้คุณควรทาครีมบำรุงและดูแลตัวเองร่วมด้วยจะเป็นการดีที่สุด

IV Drip

ดริปวิตามินอันตรายไหม?

การดริปวิตามินผิวก็เหมือนการทำหัตถการทั่ว ๆ ไป อย่างพวกการฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ฯลฯ ที่มีทั้งความปลอดภัยและความอันตรายในคราวเดียวกัน แต่ต้องบอกว่าความอันตรายที่ว่านี้ หมายถึงการที่คุณเลือกดริปวิตามินในสถานพยาบาลที่ไม่ได้มาตรฐาน, คลินิกที่ไม่ได้ใช้วิตามินแท้ ยาแท้, แพทย์หรือพยาบาลปลอม ที่ไม่มีความรู้ และรวมไปถึงอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ได้ถูกฆ่าเชื้อตามมาตรฐานด้วย

ดังนั้น คุณควรเลือกดริปวิตามินกับคลินิกที่น่าเชื่อถือ รวมถึงแพทย์และพยาบาลที่มีใบประกอบวิชาชีพจริง ๆ นอกจากนี้ ก็ไม่ควรเลือกดริปวิตามินที่มีราคาถูกจนเกินไปด้วย เนื่องจากปกติแล้วราคาการดริปผิวจะอยู่ที่ประมาณ 1,000-2,000 บาท หากไม่เกิน 500 บาท อาจจะต้องเช็กและระวังไว้สักนิด

ตัวอย่างของอันตรายจากการดริปวิตามินผิวที่อาจเกิดขึ้นได้ ในกรณีที่ผู้รับบริการแพ้, ได้รับวิตามินมากกว่าปกติ และตัวยามีสารแปลกปลอมที่อันตราย คือ อาการปวดศีรษะ, หายใจผิดปกติ, ใจเต้นเร็วจนผิดจังหวะ, รู้สึกคลื่นไส้อาเจียน, มีภาวะเลือดออกผิดปกติ, ความดันโลหิตสูง, มีอาการเป็นตะคริว, โลหิตจาง, ตาพร่ามัว ภาพเบลอ, แสบร้อนกลางอก, ช็อก และจนถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด

ใครไม่ควรดริปวิตามินบ้าง?

การดริปวิตามินไม่ได้เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด และคนที่มีอาการแพ้ยาต่าง ๆ สำหรับกลุ่มคนที่ไม่ควรดริปวิตามินผิว คือ คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์, คุณแม่ให้นมบุตร, คนที่มีภาวะไตเสื่อมหรือไตวาย, คนที่เป็นไข้ไม่สบาย, คนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก, คนที่รับประทานยาต้านเกล็ดเลือด, โรคพร่องเอนไซม์ (G6PD) หรือกำลังรับประทานยาโรคประจำตัวอยู่ เป็นต้น แนะนำให้แจ้งรายละเอียดกับแพทย์ก่อนรักษาทุกครั้ง

บทสรุป

สรุปได้ว่าการดริปวิตามินเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่อยากเติมเต็มสารอาหารให้แก่ร่างกาย ให้ผลลัพธ์ที่เร็วและชัดเจนกว่าการทานวิตามิน ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ผิวเนียนนุ่ม และฟื้นฟูร่างกายได้จริง! ซึ่งการดริปผิวจะไม่เป็นอันตรายใด ๆ หากเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณจะต้องดริปผิวติดต่อกันหลาย ๆ ครั้งถึงจะเห็นผล จึงอาจจะไม่เหมาะกับคนที่มีงบประมาณจำกัดเท่าไหร่นัก สำหรับใครที่รู้สึกว่าร่างกายไม่สดชื่นเลย ผิวหมองคล้ำมาก อยากฟื้นฟูร่างกายให้ดีจากภายใน การดริปวิตามิน (IV Drip) ก็เป็นตัวช่วยที่ดีและมีประสิทธิภาพที่ใคร ๆ ก็ทำกัน!

Related Blog

เปิดลิสต์ 10 เซรั่ม Retinol ยี่ห้อไหนดีที่สุดในปี 2024 

BEAUTY & SKINCARE

รวม 10 ยารักษาสิว อ่อนโยน แห้งไว ไม่ทิ้งรอยดำ 2024

BEAUTY & SKINCARE

10 พาเลทตาถูกและดี สีสวย ติดทน หยิบใช้ได้ทุกวัน

BEAUTY & SKINCARE