แนะนำ 5 เครื่องเล่นแผ่นเสียงราคาดีคุณภาพเยี่ยมที่คนรักเสียงเพลงต้องมี
“ดนตรีและเสียงเพลง” คือสิ่งจรรโลงใจที่เคียงคู่มากกับวัตนธรรมของมนุษย์เรามาช้านาน ไม่ว่าจะกี่ยุคหรือผ่านมาการเปลี่ยนแปลงมากี่สมัยความนิยมในสิ่งเหล่านี้ไม่เคยจางหายไปจากสังคม มากไปกว่านั้นด้วยพัฒนาการทางด้านเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมต่าง ๆ ทำให้รูปแบบการเสพย์เสียงเพลงถูกปรับเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เข้าถึงง่าย ซึ่งในปัจจุบันทุกคนคงคุยเคยกับการฟังเพลงผ่านการ Streaming จากแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่มีความสะดวกเพียงแค่ใช้งานบทสมาร์ตโฟนเท่านั้น
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะต้องการสิ่งนั้น เพราะในปัจจุบัน “แผ่นเสียง” ก็ยังคงได้รับการยอมรับว่านี่แหละสิ่งที่ทำให้เข้าถึงเสียงเพลงได้อย่างแท้จริงจนถึง ณ ตอนนี้ความนิยมยังคงทวีคูณมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ตลาดเครื่องเล่นแผ่นเสียงไม่เคยหยุดนิ่ง และมีการพัฒนาฟังก์ชันบางอย่างให้ใช้งานง่ายขึ้น คอนเทนต์นี้ AROUNDBKK ขอเอาใจเหล่าคนรักเสียงเพลง Analog กับ 5 เครื่องเล่นแผ่นเสียงยี่ห้อไหนดีรุ่นไหนต้องมีรวมไว้ที่นี่ให้คุณ
5 เครื่องเล่นแผ่นเสียงที่เหมาะสำหรับคุณ
Gadhouse Brad (5,900 บาท)
เครื่องแรกเป็นแบรนด์ของคนไทยที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในบ้านเรา และมีชื่อเสียงในต่างประเทศอยู่พอสมควร โดยรุ่นที่แนะนำคือ Gadhouse Brad เครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นเล็กที่ครบเครื่องทุกการเล่นแผ่นเสียงทั้ง 7” และ 12” ในราคาที่ไม่แพงเลย ไฮไลต์ของรุ่นนี้คือฟังก์ชันล้ำ ๆ ที่ผู้ผลิตจัดมาให้ไม่ว่าจะเป็น ลำโพงในตัวแบบ Stereo Dynamic Full Range, ระบบขับเคลื่อนแบบ Belt-Driven Turntable Mechanism, หัวเข็มแบบพิเศษ Gadhouse Ruby Stylus, มีช่อง AUX 3.5 mm. พร้อม Bluetooth 5.0 ในตัว, รองรับการปรับ Speed แบบ Pitch Control ได้ 3 ระดับ (33⅓, 45 และ 78 RPM) และมีฟังก์ชัน Auto Start-Stop เล่น-หยุดเพลงอัตโนมัติ เรื่องของเสียงที่ให้มามีความเป็นธรรมชาติครบครันทุกย่นเสียง
Crosley Eclipse Entertainment Center ($218.00 ประมาณ 6,700 บาท)
ถัดมาเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่แปลกไปจากตัวอื่น ๆ เพราะ Crosley Eclipse Entertainment Center นับเป็นเครื่องเล่นเพลงแบบ All-in-One อย่างแท้จริง เล่นได้ครบถ้วนทั้ง แผ่นเสียง (ได้ทั้ง 3 Speed 33⅓, 45 และ 78 RPM), CD Audio, Tape Cassette, Bluetooth, USB, วิทยุ AM/FM และยังมาพร้อมกับลำโพงสเตอริโอ 2 ข้างมาให้ด้วย เรียกได้ว่าครบจบทุกแพลต์ฟอร์มอย่างแท้จริงในราคาที่คุ้มค่ามาก ๆ สำหรับเครื่องเล่นแผ่นเสียงในระดับเริ่มต้น แต่รุ่นนี้ยังไม่มีจำหน่ายในไทยเป็นทางการ อาจต้องหามตามแหล่งขายเครื่องเสียงหรืออาจจะต้องสั่งนำเข้าจาก Amazon หรือ Ebay สำหรับชื่อเสียงของแบรนด์ Crosley หายห่วงได้ เพราะพวกเขาอยู่ในตลาดเครื่องเล่นแผ่นเสียงมาตั้งแต่ปี 1992
Audio Technica AT-LP60 (7,900 – 8,900 บาท)
เครื่องที่ 3 มาพร้อมกับความล้ำมากขึ้นไปอีกขั้นกับ Audio Technica รุ่น AT-LP60 ที่เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงในราคากลาง ๆ ซึ่งจุดเด่นของรุ่นนี้คือการแปลงสัญญาณเพลงจากแผ่นเสียงที่เป็น Analog ลงสู่ไฟล์ Digital ได้อย่างสมบูรณ์แบบ (MP3, FLAC, WAV) ด้วย Software จากทาง Audio Technica ส่วนในด้านการใช้งานทั่วไปก็ถือว่าครบถ้วนสำหรับเครื่องเล่นแผ่นเสียง ตั้งแต่ระบบการทำงานแบบสายพานอัตโนมัติ เลือก Speed ได้ 3 ระดับ 33⅓, 45 และ 78 RPM แพล็ทเตอร์ผลิตจากอลูมินั่มหล่อป้องกันการสั่นสะเทือนได้ดี ในตัวเครื่องมี phono-preamplifier ในตัว สามารถเชื่อมต่อกับเครื่องเสียงบ้านได้ และให้คุณภาพเสียงที่ดี
DENON DP-400 (19,900 บาท)
สำหรับเครื่องที่ 4 เป็นคิวของแบรนด์เครื่องเสียงระดับตำนานอย่าง DENON ในรุ่น DP-400 การันตีคุณภาพด้วยแบรนด์ที่มีเชื่อเสียงในวงการมาอย่างยาวนานกว่า 100 ปี โดยรุ่น DP-400 เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่มีเซ็นเซอร์ปรับความเร็วอัตโนมัติ เล่นได้ทั้ง 3 Speed (33⅓, 45 และ 78 RPM) ระบบ Auto lift-up สามารถยกโทนอาร์มอัตโนมัติตั้งแต่เริ่มเล่นเพลงจนจบแผ่น สามารถเชื่อมต่อแอปม์แบบ Analog inputs หรือ phono inputs ก็ได้ นอกเหนือจากฟังก์ชันที่ครบถ้วนมาแล้วด้านดีไซน์ก็ถือเป็นจุดเด่นของรุ่นนี้ที่มีความเรียบหรู และ Modern เข้ากับทุกสไตล์ของบ้าน นับเป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่คุ้มทั้งฟังก์ชันและดีไซน์ในราคาที่ไม่แรงมาก
THORENS TD-202 (22,500 – 26,500 บาท)
สุดท้ายกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงระบบสายพานจากแบรนด์ระดับพระกาฬอีกเจ้าอย่าง THORENS รุ่น TD-202 โดยในรุ่นนี้ก็ยังคงมาตรฐานที่ดีเยี่ยมเอาไว้ไม่แพ้รุ่นอื่น ๆ ของแบรนด์ ทั้งในด้านการออกแบบที่ให้ตัวเครื่องมีน้ำหนักปานกลาง มาพร้อมโทนอาร์มแขนตรงมวลเบา มาพร้อมแพล็ตเตอร์อะลูมิเนียมขนาดใหญ่พร้อมแผ่นยางรอง สำหรับฟังก์ชันต่าง ๆ สำหรับการเล่นเพลง มีปุ่มเลือก Speed 33/45 RPM มี phono-preamplifier ในตัว นอกจากนั้นก็ยังสามารถแปลงเพลงจาก Analog ไปสู่ Digital ได้อีกด้วย (MP3, FLAC, WAV) ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่คุณจะได้รับจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงคุณภาพในเครื่องนี้
เครื่องเล่นแผ่นเสียงกับความนิยมในยุคนี้
ด้วยความนิยมของแผ่นเสียงในยุคนี้จึงทำให้ตลาดของกลุ่มเครื่องเล่นแผ่นเสียงได้กลับมาคึกคักอีกครั้งหลังจากที่ถูกบดบังด้วยการมาของ Digital Audio ทั้งรูปแบบไฟล์ MP3 และการ Streaming แต่ด้วยคุณภาพของแผ่นเสียงจึงทำให้ทั้งคนรุ่นเก่าและนักฟังหน้าใหม่ได้พิสูจน์แล้วว่า Analog ไม่มีวันจางหายไปจากโลกแห่งเสียงเพลงได้ ซึ่งตามจริงแล้วไม่ได้มีเพียงแผ่นเสียงเท่านั้น แต่ CD Audio และ Tape Cassette ก็ได้กลับเข้าสู่กระแสหลักเช่นเดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะลือกฟังเพลงแบบไหนก็สามารถทำให้คุณเพลิดเพลินและจรรโลงใจได้หากคุณรักเสียงเพลงมากพอ