เครดิตบูโรคืออะไรสำคัญอย่างไรต่อการทำธุรกรรมทางการเงิน
สำหรับผู้ที่ต้องการทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ โดยเฉพาะเรื่องของการกู้ยืมนั้น ประวัติทางเงินส่วนตัวถือเป็นหลักประกันสำคัญที่จะช่วยให้สถาบันการเงินต่าง ๆ มั่นใจได้ว่าคุณมีวินัยมากพอที่จะสามารถใช้บริการกู้ยืมจากพวกเขาได้ แล้วแบบนี้พวกเราจะสามารถเช็กเครดิตทางการเงินของตัวเองได้อย่างไรหากจำเป็นต้องกู้เงินในยามฉุกเฉิน หรือในสถานการณ์ที่ชักหน้าไม่ถึงหลังจริงๆ วันนี้เราจะมาแนะนำกับคำว่า “เครดิตบูโร”
เครดิตบูโร หรือ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) คือ บริษัทกลางที่คอยรวบรวมข้อมูลทุกอย่างจากบุคคลที่มีหนี้ติดตัว โดยจะทำการบันทึกประวัติการผ่อนชำระทุกประเภท เช่น สินเชื่อกู้ซื้อบ้าน สินเชื่อกู้ซื้อรถยนต์ สินเชื่อกู้เงิน ต่างๆ เป็นต้น ส่วนใหญ่จะเป็นการเช็กประวัติย้อนหลังประมาณ 6-18 เดือน ซึ่งพฤติกรรมหรือประวัติการชำระเงินเหล่านี้คือหลักฐานสำคัญที่ใช้ในการตัดสินความน่าเชื่อถือของบุคคลเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี หากคุณมีรายได้ไม่คงที่ มีประวัติการค้างชำระจากหลายแห่ง และค้างนานเกิน 3 งวด ก็มีสิทธิ์ที่จะถูกปฏิเสธสินเชื่อจากผู้ให้บริการสูงเลยทีเดียว
ในปัจจุบันนี้คุณสามารถเช็คเครดิตบูโรออนไลน์ได้ด้วยตัวเองผ่านแอปพลิเคชัน Mobile Banking ของธนาคารพาณิชย์ได้หลายแห่ง เช่น Bualuang mBanking, MyMo ธนาคารออมสิน, Krungthai NEXT, ttb touch ธนาคารทีทีบี และ KKP Mobile ธนาคารเกียรตินาคินภัทร โดยจะมีค่าบริการอยู่ที่ 150 บาท/ครั้ง เลือกรับรายงานผลได้ 2 แบบคือ ผ่านทางอีเมลส่วนตัวภายใน 3 วัน (E-Credit Report) หรือรับผลทางไปรษณีย์ในรูปแบบของเอกสาร
เครดิตบูโรจะมีการจัดเก็บข้อมูลสำคัญของคุณทั้งหมด 2 ส่วนด้วยกันคือ ข้อมูลระบุตัวตนลูกค้า เช่น ชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ตามบัตรประชาชน ที่อยู่ปัจจุบัน อาชีพ สถานภาพการสมรส เลขทะเบียนนิติบุคคล เป็นต้น และอีกส่วนคือข้อมูลสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติ โดยจะบันทึกประวัติการชำระสินเชื่อทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นประวัติยื่นกู้ซื้อบ้าน ประวัติการยื่นกู้ซื้อรถยนต์ รายการผ่อนสินค้าผ่านบัตรเครดิต เป็นต้น สำหรับใครที่อยากให้ประวัติทางการเงินของคุณไม่มีปัญหา ขอแนะนำให้คุณรักษาวินัยในการใช้เงินให้มีความรัดกุมพยายามบริหารการใช้เงินให้เป็นระเบียบเพื่อตัวคุณเอง และอนาคตทางการเงินของคุณ เพราะประวัติเหล่านี้ล้วนเป็นตัวชี้วัดความน่าเชื่อถือของคุณ