คีย์บอร์ดไร้สาย พร้อมวิธีเลือกซื้อ
คีย์บอร์ดไร้สาย หรือ Wireless Keyboard จะใช้การเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อื่น ๆ ผ่านระบบไร้สาย ไม่ว่าจะเป็น Bluetooth, Wireless และ USB Receiver จึงทำให้สามารถประหยัดพื้นที่ในการจัดวาง ไม่เกะกะสายเชื่อมต่อ และสามารถพกพาได้สะดวก หากใครกำลังมองหาคีย์บอร์ดไร้สาย ยี่ห้อไหนดีมาไว้ใช้งาน บทความนี้มีแนะนำวิธีเลือกซื้อคีย์บอร์ดแบบไร้สายให้เหมาะสำหรับคนทำงานและคีย์บอร์ดไร้สาย เกมมิ่งมาฝากกันน
สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกซื้อคีย์บอร์ดไร้สาย
ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อมีสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนการเลือกซื้อเพื่อให้ได้คีย์บอร์ดที่ตอบโจทย์กับการใช้งานของเราและคุ้มค่ามากที่สุด ดังนี้
1. จุดประสงค์ในการใช้งานคีย์บอร์ดไร้สาย
โดยทั่วไปแล้วรูปแบบการใช้งานคอมพิวเตอร์ของคนส่วนใหญ่ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ การใช้คอมพิวเตอร์สำหรับทำงาน และการใช้คอมพิวเตอร์สำหรับเล่นเกม ดังนั้นในการเลือกซื้อคีย์บอร์ดไร้สาย จึงต้องดูที่จุดประสงค์ของเราเป็นหลักว่าจะซื้อคีย์บอร์ดนั้น ๆมาใช้ทำอะไร เพราะคีย์บอร์ดที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในการเล่นเกมโดยเฉพาะ หรือคีย์บอร์ดไร้สาย เกมมิ่งนั้น จะมีเรื่องความรวดเร็วในการกดปุ่มและการตอบสนองที่ดีกว่าคีย์บอร์ดที่ใช้ทำงานตามปกตินั่นเอง
2. ค่า Key Pitch และค่า Keystroke
ค่า Key Pitch คือ ระยะจากจุดศูนย์กลางของแป้นหนึ่งไปยังอีกจุดศูนย์กลางอีกแป้นหนึ่ง เรียกให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ ระยะห่างระหว่างปุ่มกดบนแป้นคีย์บอร์ด โดยแป้นคีย์บอร์ดมาตรฐานจะมีค่า Key Pitch อยู่ที่ประมาณ 18.5-19 mm ซึ่งเหมาะสำหรับการใช้งานกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ แต่ถ้าหากเป็นคีย์บอร์ดไร้สายที่มีค่า Key Pitch ค่อนข้างสั้น ปุ่มกดบนแป้นพิมพ์ก็จะค่อนข้างอยู่ติดกันจึงอาจทำให้กดพลาดและเกิดความยุ่งยากในการใช้งานขึ้นมาได้
ในขณะที่ค่า Keystroke คือ ระยะทางการยุบตัวของแป้นเมื่อถูกเคาะในขณะที่พิมพ์ ค่ามาตรฐานตามปกติจะอยู่ที่ประมาณ 3 mm ซึ่งถ้าหากใครชอบพิมพ์หนัก ๆ เคาะแรง ๆ เกิดความผิดพลาดน้อย อาจเลือกคีย์บอร์ดที่มีค่า Keystroke มากหน่อย แต่ถ้าหากต้องการความเร็วในการพิมพ์และไม่ต้องยกนิ้วในการพิมพ์มาก แนะนำให้เลือกคีย์บอร์ดที่มีค่า Keystroke ไม่สูงมาก
3. ขนาด
เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นในการเลือกซื้อ เพราะส่วนใหญ่แล้วหลายคนเลือกซื้อคียย์บอร์ดแบบไร้สายนี้ก็เพื่อจะพกพาติดตัวไปใช้งานตามสถานที่ต่าง ๆด้วย ซึ่งถ้าหากต้องมีการไปทำงานนอกสถานที่อยู่บ่อย ๆ ก็อาจจะเลือกคีย์บอร์ดแบบไร้สายที่มีขนาดไม่ใหญ่มากและมีน้ำหนักเบา ก็จะทำให้พกพาได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
4. ระยะเวลาในการใช้งาน
ปัจจุบันคีย์บอร์ดแบบไร้สายที่มีวางจำหน่ายกันอยู่นั้นจะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ดังนั้น ในการใช้งานคีย์บอร์ดแบบไร้สายจึงจำเป็นที่จะต้องมีการชาร์จแบตเตอรี่อยู่เป็นระยะ การจะเลือกซื้อคีย์บอร์ดไร้สาย ยี่ห้อไหนดี จึงต้องดูเรื่องความจุของแบตเตอรี่และระยะเวลาในการใช้งานด้วยว่ามีมากน้อยแค่ไหนต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง เพื่อความสะดวกหากต้องพกพาออกไปใช้งานนอกสถานที่
คีย์บอร์ดไร้สาย ยี่ห้อไหนดี สำหรับคนทำงานและสายเกมมิ่ง
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่าการเลือกคีย์บอร์ดไร้สาย ยี่ห้อไหนดี ควรที่จะพิจารณาจากลักษณะการใช้งานของเราเป็นหลักว่าจะเน้นไปที่การทำงานหรือเน้นเล่นเกม เราจะมาแนะนำคีย์บอร์ดแบบไร้สายทั้งสำหรับทำงานและ คีย์บอร์ดไร้สาย เกมมิ่ง
1. Microsoft Wireless Desktop 850 (ราคา 1,490 บาท)
คีย์บอร์ดไร้สายแบบมาตรฐานที่มอบอิสระการใช้งานในราคาย่อมเยา ด้วยเทคโนโลยีไร้สาย 2.4 GHz รองรับการใช้งานควบคู่กับเมาส์ไร้สายเพื่อใช้งานร่วมกับ laptop ได้ทุกที่ รองรับการใช้งานร่วมกับ Windows 11/10/8/7 และ Mac OS X v10.4 – 10.7 มาพร้อมแป้นลัดของ Windows ช่วยให้เข้าถึงเมนูที่ใช้งานบ่อยได้อย่างรวดเร็ว ใช้แบตเตอรี่อัลคาไลน์ขนาด AAA 2 ก้อน และ AA 1 ก้อน มีความยาว 455.8 มม. และความกว้าง 158.6 มม.
2. Logitech K380 Multi-Device Bluetooth Keyboard (ราคา 990 บาท)
คีย์บอร์ดไร้สาย Logitech มาในสไตล์มินิมอลรองรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และโทรศัพท์ ดีไซน์เรียบง่ายสีสันสวยงาม ขนาดเล็กกะทัดรัดน้ำหนักเบาพกพาสะดวก มีปุ่มลัดพิเศษ Easy-Switch™ สำหรับการสลับใช้งานโปรแกรมรวมไปถึงเมนูต่าง ๆ ได้อย่างง่ายดาย รองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth สามารถใช้งานร่วมกับ Windows (Windows 7, 8, 10 หรือสูงกว่า และ Mac OS X 10.8 หรือสูงกว่า ใช้แบตเตอรี่ AAA 2 ก้อน มีขนาดความสูง 124 มม. ความกว้าง 279 มม. ความลึก 16 มม. และน้ำหนักรวมแบตเตอรี่ 423 กรัม
3. MOFii Waffle Bluetooth Keyboard (ราคา 890 บาท)
มาสไตล์วินเทจดีไซน์สุดน่ารักด้วยปุ่มกดวงกลมคล้ายกับแป้นพิมพ์ดีด เชื่อมต่อด้วยระบบ Bluetooth รองรับการใช้งานร่วมกับ Windows/Mac OS/iOS/Android มาพร้อมการวาง layout ของปุ่มคล้ายกับ Notebook สามารถใช้งานได้สะดวกทั้ง Windows และ Mac พร้อมระยะการกดที่ค่อนข้างลึกและมีแรงเด้งกลับจึงทำให้รู้สึกเหมือนได้กดแป้นพิมพ์ดีด ใช้แบตเตอรี่ AAA 2 ก้อน และมีโหมดประหยัดพลังงานเพื่อไม่ได้ใช้งานเกิน 15 นาที มีขนาดอยู่ที่ 32 x 13.8 x 2.6 ซม น้ำหนัก 484 กรัม
4. Philips Wireless Keyboard Mouse SPT6314 (ราคา 599 บาท)
คีย์บอร์ดและเมาส์ไร้สายคุณภาพดีราคาไม่แพงได้มาตรฐานจาก Philips ที่มีความแข็งแรงทนทานรองรับการใช้งานได้แบบสมบุกสมบันในทุกสถานที่ ใช้การเชื่อมต่อแบบ USB Receiver ด้วยความถี่ 2.4GHz ได้ในระยะ 10 เมตร รองรับการใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ทุกประเภท เมาส์และคีย์บอร์ดใส่ถ่านขนาด AAA อย่างละ 1 ก้อน มีขนาด 43 x 14 x 2 cm น้ำหนัก 420 กรัม
5. Logitech G613 LIGHTSPEED Wireless Mechanical (ราคา 3,699 บาท)
คีย์บอร์ดไร้สาย เกมมิ่ง ที่ออกแบบมาให้สามารถใช้เล่นกีฬา E-Sport ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตอบสนองการกดแป้นพิมพ์ได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ มีไฟ RGB พร้อมความทนทานและการทำงานที่เงียบ มีสวิตช์ Romer-G Tactile ที่เร็วกว่าเดิมถึง 25% เชื่อมต่อไร้สายผ่านระบบ Bluetooth และ Wireless ใช้แบตเตอรี่ขนาด AA 2 ก้อน มีขนาดอยู่ที่ 478 x 216 x 33 mm น้ำหนักรวมแบตเตอรี่ 1460 กรัม
6. ASUS ROG Falchion NX wireless mechanical gaming keyboard (ราคา 4,090 บาท)
คีย์บอร์ดไร้สาย เกมมิ่ง ขนาดเล็กเพียงแค่ 65% เมื่อเทียบกับคีย์บอร์ดแบบมาตรฐาน เป็นแป้นคีย์บอร์ดแบบไร้สายของ ROG ตัวแรกที่มีไฟ Aura Sync RGB แบบไร้สาย พร้อมด้วยสวิตซ์กลไก ROG NX ที่มีการสั่งงานอย่างรวดเร็ว ให้แรงกดที่เสถียร ตอบโจทย์การเล่นเกมได้เป็นอย่างดี รองรับการเชื่อมต่อทั้งแบบมีสายและไร้สายผ่านทาง Wireless คลื่นความถี่ 2.4 GHz แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานต่อการชาร์จ 1 ครั้ง มีขนาดอยู่ที่ 305 X 101 X 38.5 mm น้ำหนัก 520 กรัม
7. Logitech G913 Lightspeed Wireless (ราคา 6,590 บาท)
คีย์บอร์ดไร้สาย เกมมิ่ง สำหรับมือโปรที่มีความก้าวหน้าในด้านการออกแบบและวิศวกรรมขั้นสูง มาพร้อมกับระบบไร้สาย LIGHTSPEED ให้ประสิทธิภาพรวดเร็วที่สุดที่ 1 มิลลิวินาที เป็นเทคโนโลยีเดียวกันกับที่มือโปร E-Sport ทั่วโลกให้ความไว้วางใจในการแข่งขัน สร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันด้วยวัสดุที่มีคุณภาพระดับพรีเมี่ยม แข็งแรงทนทาน โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่ล้ำสมัยและประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยม แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องหลายชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และสามารถใช้งานในระหว่างที่ชาร์จไฟได้อีกด้วย ตัวคีย์บอร์ดมีขนาดอยู่ที่ 47.5 x 15 x 2.2 cm น้ำหนัก 1.025 กิโลกรัม
จะเห็นได้ว่าข้อดีของคีย์บอร์ดแบบไร้สายสามารถพกพาได้สะดวก ติดตั้งได้ง่าย ไม่เกะกะสายเชื่อมต่อ จึงทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้พื้นที่ได้ดีกว่า ซึ่งถ้าหากใครต้องการคีย์บอร์ดแบบไร้สายเพื่อเอามาใช้งานทั่วไปแนะนำให้เลือกคีย์บอร์ดแบบไร้สายทั่ว ๆไปก็เพียงพอแล้ว เนื่องจากคีย์บอร์ดไร้สาย เกมมิ่ง ส่วนใหญ่มักถูกออกแบบมาให้มีประสิทธิภาพในการใช้งานค่อนข้างสูงและตอบโจทย์สำหรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ จึงมีราคาที่แพงกว่าคีย์บอร์ดแบบไร้สายตามปกติค่อนข้างมาก รวมไปถึงมีฟังก์ชั่นการใช้งานและปุ่มบนแป้นพิมพ์ที่แตกต่างจากคีย์บอร์ดแบบไร้สายสำหรับการทำงานตามปกติอีกด้วย