Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok รีวิวโรงแรม – Staycation Collection
ในช่วงโควิดเราอาจจะออกไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านได้ไม่สะดวกนัก หนึ่งกิจกรรมที่หลายคนชอบมาก ๆ คือการได้ไปนอนพักผ่อนหย่อนใจในโรงแรมดี ๆ พร้อมกับแพ็คเกจอาหารเช้าอลังการกับราคาที่คุ้มค่า ออกมาจากบ้านหรือคอนโดเพื่อเปลี่ยนการทำงาน Work from Home แบบเดิม ๆ วันนี้จะขอประเดิมรีวิวแรกของมหากาพย์ Staycation ด้วยโรงแรมใหม่เอี่ยมย่านหลังสวน
โรงแรมสินธร เคมปินสกี แบงค็อก (Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok)
ก่อนอื่นคือเรารู้จักโรงแรมนี้เพราะชอบมารับประทานอาหารไทยที่ร้าน “ลูกจันทร์” เเละ Afternoon Tea ที่ “Lobby Lounge” ซึ่งตั้งอยู่ในล็อบบี้โรงแรมเลยค่ะ หลังจากประทับใจกับความอลังการและความสวยงามของล็อบบี้แล้ว เลยทำให้อยากมาลองนอนสักคืนบวกกับช่วงนี้มีโปรโมชั่น Staycation ที่มี Early Check-in, Late Check-out และมี Hotel Credit มูลค่า 2,000 บาทนอกเหนือจากอาหารเช้าอีกต่างหากด้วย ดังนั้นเราจึงได้จองแพ็คเกจดังกล่าวไปในราคาสุทธิ 7,999 บาท โดยเช็คอินได้ตั้งแต่ 8 โมงเช้าไปเลยค่ะ แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิดที่ยังไม่สู้ดี เราจึงไม่ได้ใช้พื้นที่ส่วนกลางและ Facility ต่างๆของโรงแรม หากมีโอกาสหน้าได้ไปเข้าพักอีกทีจะมารีวิว Facility ของโรงแรมให้นะคะ
รีวิวห้องพัก
- ประเภทห้องพัก: Grand Deluxe Room
- ขนาดห้อง: 66 ตร.ม.
- ช่องทางการจองห้อง : จองตรงผ่านเว็บไซต์ kempinski.com
- แพคเกจ/โปรโมชั่นที่จอง: Luxury Escape 1 Night
- ราคา: 7,999 Net
- สิทธิประโยชน์:
- อาหารเช้าสำหรับสองท่าน
- เครดิตโรงแรมมูลค่า 2,000 บาท
- เช็คอินได้ตั้งแต่เวลา 8.00 AM, เช็คเอ้าท์ได้เวลา 8.00PM (1 คืน)
ห้องพักโดยรวมคือถือว่าใหญ่เลยค่ะ แม้ว่าจะเป็นห้องเริ่มต้นของโรงแรมแต่คือมีความโอ่อ่า โปร่ง โล่ง เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะรับประทานอาหาร ชุดโซฟาหน้าทีวี (ทีวีถือว่าใหญ่เมื่อเทียบกับหลายๆที่และเป็น Smart TV ด้วย)
นอกจากนั้นยังมีชุดเก้าอี้ไว้นั่งพักผ่อนริมระเบียง ส่วนที่เป็นเตียงนอนก็จะมีเดย์เบดวางไว้ให้นอนชมวิวสวนด้านข้าง พร้อมกับโต๊ะทำงานที่สามารถ Work from Hotel ได้สบาย ๆ เลยค่ะ
มาทางมินิบาร์ก็มีน้ำ ขนม และเครื่อง Nespresso ซึ่งสามารถรับประทานได้หมดเลยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแล้วค่ะ
ห้องน้ำของห้องนี้ถือว่าใหญ่พอสมควร มี Bathtub เเละห้องน้ำเป็นแบบแยกห้อง Shower และส่วนของสุขภัณฑ์ไว้ด้วยค่ะ ส่วนที่เป็นไฮไลท์สำหรับเราเลยก็คือลำโพงในห้องน้ำ Connect กับทีวีในห้อง ซึ่งทำให้เราฟังเพลงจากยูทูปเอยอะไรเอยที่เปิดจาก Smart TV ได้เลย สามารถเเช่น้ำฟังเพลงได้แบบไม่ต้องมาต่อเพลงแยก เดินไปส่วนไหนของห้องก็สามารถได้ยินเพลงที่เปิดตลอดเวลา ในห้องน้ำก็จะมีพื้นที่และโต๊ะเครื่องแป้งไว้ให้ต่างหากด้วยนะคะ
อาหารเช้าและ Room Service
ในครั้งนี้เนื่องจากมาตรการของรัฐบาลยังไม่ให้นั่งรับประทานอาหารที่ร้าน ทำให้เราต้องสั่งอาหารเช้าเป็นแบบ In-room มาก่อน ซึ่งทางโรงแรมจะนำเมนูมาไว้ให้เราเลือกช่วงค่ำและเราสามารถเลือกอาหารและเวลาที่ต้องการให้เสิร์ฟเเขวนไว้ที่หน้าห้องพัก เพื่อให้ทางโรงแรมเตรียมเสิร์ฟให้ในช่วงเช้าได้เลยค่ะ
ในส่วนของความหลากหลายนั้นถือว่ามีให้เลือกเยอะมาก ๆ แม้จะเป็น In-room Breakfast เสียดายที่เราหิวมากเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเยอะ (มีแต่รูปจากสตอรี่ในไอจี ภาพอาจจะไม่ชัดนิดนึงนะคะ) อาหารค่อนข้างรสชาติดี หลากหลาย ที่ชอบมากคือ Plain Croissant ที่อร่อยมากกก อร่อยกว่าเจ้าดังที่ต้องต่อคิวยาว ๆ บางเจ้าอีกค่ะ
นอกจากอาหารเช้าแล้วเราก็ได้สั่งอาหารจากห้องอาหาร Flourish มารับประทานช่วงกลางวัน โดยใช้เครดิตโรงแรมที่มีอยู่ 2,000 บาท รับประทานได้สองมื้อเลยค่ะ มีอาหารหลายอย่างทั้งไทยและ Western โดยเราสามารถดูเมนูจากแท็บเลตและกดสั่งโดยไม่ต้องโทรหาพนักงานเลย สะดวกมาก ๆ ส่วนคุณภาพและรสชาติอาหารส่วนตัวให้ 8/10 เลยค่ะ โดยเฉพาะของหวาน จัดจานสวยเลยทีเดียว
การบริการ
โดยรวมแล้วตั้งแต่เช็คอินแล้วประทับใจค่ะ พนักงานของที่นี่จะมีชื่อว่า Lady in Red ซึ่งต้อนรับดีมาก ไปส่งถึงหน้าห้องพัก รวมไปถึง Room Service ต่างๆ ใช้เครื่องทำกาแฟไม่เป็นทาง Front ก็ค่อยๆอธิบายจนชงได้ 5555 อ้อ ทางโรงแรมมีบริการ Turn down service ด้วยนะคะ ก็คือมาจัดระเบียบห้องจัดไฟต่างๆให้เหมาะแก่การเข้านอนซึ่งทำออกมาได้ดีมากค่ะ สุดท้ายตอนเช็คเอ้าท์ทาง Front มีให้สเปรย์ฉีดหมอนของ Sindhorn Kempinski กลิ่น Lavender Chamomile มาให้ด้วย เมื่อเอาไปฉีดบนหมอนที่บ้านแล้วต้องอยากกลับไปนอนที่โรงแรมอีก
เพื่อน ๆที่เข้ามาอ่านรีวิวของ AROUNDBKK แล้วอยากหาโรงแรมในกรุงเทพเพื่อไปพักผ่อนหรือเปลี่ยนที่ทำงาน สามารถเข้าไปอัพเดทและเช็คโปรโมชั่นต่าง ๆบนเว็บไซต์ของ Sindhorn Kempinski Hotel Bangkok ได้เลย และอย่าลืมติดตามการรีวิวโรงแรมอื่น ๆอีกมากมายที่เราจะพาไป Staycation ในเร็ว ๆนี้ค่ะ