ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม? กี่วันหาย ต้องดูแลตัวเองยังไงบ้าง
หัตถการยอดฮิตของสาว ๆ ในยุคนี้ คงไม่พ้นการฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เป็นแน่ เพราะเป็นหัตถการที่ทำแล้วชีวิตเปลี่ยน เห็นผลทันตาเห็น และแทบไม่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นเลย! โดยเฉพาะกับการฉีดฟิลเลอร์ปากที่จะมาช่วยเติมเต็มริมฝีปากของคุณให้โดดเด่นสวยสะดุดตา แต่การฉีดปากก็จะต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่า “เข็ม” ในการนำส่งสารเข้าไป นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ใคร ๆ ต่างก็กล้า ๆ กลัว ๆ และกังวลกันว่า “ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม?”
สำหรับใครที่ยังลังเลอยู่ว่าจะฉีดฟิลเลอร์ปากดีไหม เพราะเป็นคนขี้เจ็บและเป็นคนขี้กังวล ในวันนี้ทาง AroundBKK จะมาไขข้อสงสัยนี้ให้คุณทราบกัน ทั้งฉีดปากเจ็บไหม? ทำไมการฉีดฟิลเลอร์ถึงเจ็บ? มีปวดระบบมบ้างหรือเปล่า? รวมไปถึงวิธีการดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดด้วยเช่นกัน!
ฉีดฟิลเลอร์ปากดีไหม? ทำไมถึงฮิต!?
การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นการฉีดสารเติมเต็ม Hyaluronic Acid (HA) เข้าไปในริมฝีปาก ผ่านเข็มขนาดเล็ก ที่ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ริมฝีปากมีรูปทรงและขนาดที่แตกต่างไปจากเดิม พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่บกพร่องควบคู่กันไปด้วย อาทิ ปากบาง ปากเป็นร่อง ปากไม่เท่ากัน ปากแห้ง ปากตก ฯลฯ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกฉีดฟิลเลอร์ปากตามรูปทรงที่ชอบได้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นทรงปากกระจับ ทรงปากแบบเกาหลี หรือจะเป็นทรงปากแบบสายฝอก็ตาม
ไม่เพียงเท่านั้น การฉีดฟิลเลอร์ปากยังใช้ระยะเวลาทำไม่นาน โดยจะอยู่ที่ประมาณ 30 นาที – 2 ชั่วโมงเท่านั้น หลังทำแทบไม่บวม ไม่ช้ำ และต้องใช้เวลาในการพักฟื้นเหมือนหัตถการอื่น ๆ หรือการศัลยกรรมใบหน้าเลย ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ที่กล่าวไปข้างต้นทำให้การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นที่นิยมและฮอตฮิตอย่างมาก!
ทั้งนี ฟิลเลอร์ก็มีอยู่หลายยี่ห้อให้เลือกสรร ทั้งฟิลเลอร์ Restylane, ฟิลเลอร์ Juvederm, ฟิลเลอร์ Neuramis และอื่น ๆ หากถามว่าฉีดฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีหรือรุ่นไหนดี ตรงนี้จะขึ้นอยู่กับงบประมาณของผู้รับบริการและการแนะนำของแพทย์เป็นหลักนั่นเอง
ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม?
ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม? ฉีดปากเจ็บแค่ไหน? ขออธิบายก่อนว่าความเจ็บที่เกิดขึ้นเกิดได้หลายปัจจัย เช่น ความหนัก-เบาของมือแพทย์, ฟิลเลอร์ที่ใช้มียาชาหรือไม่มี และรวมไปถึงปัจจัยเรื่องร่างกายของแต่ละบุคคล ที่มีความอดทนหรือความบางของผิวไม่เท่ากัน
ดังนั้น จากคำถาม “ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม?” คำตอบคือ “เจ็บ” แต่จะเจ็บมากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตามความเจ็บที่เกิดขึ้นนั้นเล็กน้อยมาก น้อยกว่าการฉีดวัคซีนหรือโบท็อกซ์เป็นไหน ๆ หากคุณเป็นที่ที่ร่างกายไวต่อความรู้สึก (รู้สึกเจ็บง่ายหรือผิวบางมาก) แนะนำให้ขอแปะยาชาก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากจะเป็นการดีที่สุด
ในผู้รับบริการบางรายอาจมีอาการเจ็บหรือปวดตึงหลังจากที่ยาชาหมดฤทธิ์ได้ โดยอาการต่าง ๆ เหล่านี้จะหายไปเองภายในระยะเวลา 12-24 ชั่วโมง ส่วนอาการปากบวมจะเกิดขึ้นประมาณ 2 สัปดาห์เป็นเรื่องปกติ หากคุณอยากให้อาการต่าง ๆ ดีขึ้นอย่างรวดเร็วจะต้องดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปากตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
7 วิธีดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก (2 สัปดาห์)
- ดื่มน้ำเยอะ ๆ เพราะการดื่มน้ำจะทำให้ฟิลเลอร์ฟูสวยขึ้นและอยู่บนร่างกายของเราได้นานกว่าเดิม
- ใช้หลอดในการดื่มน้ำแทนการยกแก้วดื่ม เพื่อหลีกเลี่ยงแรงกดทับบริเวณริมฝากปาก เพราะแรงกดทับอาจทำให้ทรงปากที่คุณหมอปั้นให้ผิดรูปจากเดิมได้
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร้อนจัด เพราะความร้อนจะทำให้ฟิลเลอร์ที่ยังไม่แข็งตัวดีละลายได้ ซึ่งจะส่งผลให้ทรงปากผิดรูป รวมไปถึงระยะเวลาที่ฟิลเลอร์ควรจะอยู่ในร่างกายเราสั้นลงด้วย
- หลีกเลี่ยงอาหารแสลง เช่น อาหารทะเล อาหารหมักดอง อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ ซึ่งรวมไปถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่ด้วย เพราะอาจทำให้ริมฝีปากอักเสบ ติดเชื้อ หรือบวมมากกว่าเดิมได้
- ห้ามบีบ นวด กด หรือสัมผัสบริเวณริมฝีปาก เพราะอาจจะทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวได้
- แนะนำให้ทาลิปสติกชนิดน้ำแทนลิปสติกชนิดแข็ง เพื่อหลีกเลี่ยงแรงกดทับริมฝีปาก
- ประคบเย็นรอบ ๆ ริมฝีปากเป็นระยะ ในช่วง 48 ชั่วโมง เพื่อลดอาการบวมช้ำ ห้ามประคบลงที่ริมฝีปากโดยตรง
คำแนะนำก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก
ก่อนจะจบบทความนี้ไป AroundBKK ขอแนะนำเพื่อน ๆ เรื่องฟิลเลอร์ปากอีกสักนิด ในด้านของการพิจารณาคลินิกฉีดฟิลเลอร์ เพราะอย่างที่เราเห็นกันว่าในตอนนี้มีคลินิกเสริมความงามจำนวนมากให้บริการด้านฟิลเลอร์ รวมถึงหัตถการที่ต้องฉีดเติมเต็มเข้าไปในร่างกายอื่น ๆ ด้วย แต่ในบรรดาคลินิกทั้งหมดนี้ เชื่อหรือไม่ว่ามีคลินิกปลอม คลินิกที่ไม่ได้มาตรฐาน คลินิกที่ใช้ยาปลอม และคลินิกที่จ้างแพทย์ปลอมรวมอยู่ด้วย ซึ่งคลินิกเหล่านี้อาจจะทำให้ประสบการณ์ในการการฉีดฟิลเลอร์ปากของคุณกลายเป็นฝันร้ายก็ได้
เพราะฉะนั้น ถ้าคุณอยากฉีดฟิลเลอร์ปาก แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะไปฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี ขอแนะนำให้ตรวจสอบมาตรฐานของคลินิก, เช็กว่าคลินิกรักษาความสะอาดไหม, มีการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่, แพทย์ที่จะฉีดฟิลเลอร์ให้คุณเป็นแพทย์จริงไหม (ขอชื่อมาเช็ก), ราคาฟิลเลอร์อยู่ในระดับปกติ ไม่ถูกเกินไป, ศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์แท้-ปลอม และสุดท้ายคือการโทรไปสอบถามกับบริษัทนำเข้าฟิลเลอร์โดยตรง ว่าคลินิกดังกล่าวมีการสั่งซื้อฟิลเลอร์อย่างต่อเนื่องหรือไม่นั่นเอง
บทสรุป ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม?
ฉีดฟิลเลอร์ปากเจ็บไหม? สรุปว่ามีโอกาสเจ็บได้ แต่เป็นระดับความเจ็บที่สามารถทนได้และเจ็บไม่นาน ตามเหตุผลที่ทาง AroundBKK ได้อธิบายไปในบทความนี้ ทั้งนี้ ใครที่ไม่อยากเจ็บมาก แนะนำให้เลือกฟิลเลอร์ Restylane และ Juvederm เพราะสองยี่ห้อนี้มียาชาผสมอยู่ด้วย รวมถึงเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริงว่ามือเบา ซึ่งจะช่วยลดโอกาสที่จะเกิดความเจ็บลงไปได้มากเลยทีเดียว